สนามวอลเลย์บอลมาตรฐานสู่การพัฒนานักกีฬาระดับแนวหน้า

พ.อ.อ. นัฐพงษ์ เกษาพันธ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ได้แบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาสนามวอลเลย์บอลในประเทศไทย โดยได้รับคำแนะนำจาก คุณสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย และได้กล่าวถึงความสำคัญของการมีสนามที่ได้มาตรฐานเพื่อช่วยป้องกันการบาดเจ็บของนักกีฬา และช่วยเสริมสร้างทักษะการเล่นวอลเลย์บอลให้กับเด็กและเยาวชนในอนาคต

สนามวอลเลย์บอลมาตรฐานสร้างนักกีฬาที่เหนือชั้น

พัฒนาสนามกีฬาตามมาตรฐานสากล

การพัฒนาสนามวอลเลย์บอลให้ได้มาตรฐานสากล เป็นสิ่งที่สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อเพิ่มคุณภาพและความปลอดภัยของนักกีฬา ตลอดจนขยายโอกาสในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับนานาชาติ ศูนย์กีฬาเบญจกิติ เป็นสถานที่ที่รวบรวมกีฬาหลากหลายประเภท รวมถึงวอลเลย์บอล ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของประชาชน ทำให้มีผู้ใช้บริการมากถึงหมื่นคนต่อสัปดาห์ และช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและใจ

สนามวอลเลย์บอลที่ดีช่วยป้องกันการบาดเจ็บ

การมีสนามวอลเลย์บอลที่ได้มาตรฐาน มีขนาดและอุปกรณ์ที่เหมาะสม เป็นเรื่องสำคัญในการป้องกันการบาดเจ็บของนักกีฬา ซึ่ง พ.อ.อ. นัฐพงษ์ เกษาพันธ์ ได้กล่าวถึงประสบการณ์ตัวเองตอนเป็นเด็ก ที่ต้องหาอุปกรณ์มาทำเสาและตาข่ายเอง เพราะขาดแคลนสนามและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน แต่ด้วยความรัก และความมุ่งมั่นในการเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล จึงทำให้เขาสามารถติดทีมชาติในที่สุด ดังนั้น การลงทุนพัฒนาสนามวอลเลย์บอลที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักกีฬารุ่นใหม่ได้พัฒนาทักษะอย่างเต็มที่

สนามมาตรฐานเสริมสร้างความสามารถของนักกีฬา

สนามวอลเลย์บอลที่ได้มาตรฐาน มีขนาด อุปกรณ์ และพื้นสนามที่เหมาะสม จะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้นักกีฬาสามารถพัฒนาทักษะการเล่นวอลเลย์บอลได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้นักกีฬาเหล่านั้นสามารถก้าวสู่ความเป็นนักกีฬาระดับแนวหน้าได้ในอนาคต พ.อ.อ. นัฐพงษ์ เกษาพันธ์ ได้ให้ความเห็นว่า เด็กและเยาวชนที่ได้ใช้สนามกีฬาที่ได้มาตรฐานเช่นนี้ จะสามารถพัฒนาทักษะและความสามารถของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างนักกีฬาชั้นนำของประเทศในอนาคต

การเลือกเก้าอี้ที่ถูกสรีรศาสตร์ เพื่อนั่งทำงานและเรียนแบบ Work From Homeในโลกปัจจุบัน สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลให้คนจำนวนมากต้องปรับตัวไปทำงานและเรียนที่บ้าน ซึ่งหมายถึงการนั่งหน้าจอและทำงานเป็นเวลานานกว่าปกติ อาการปวดเมื่อยล้าจึงเป็นปัญหาที่หลายคนกำลังเผชิญ ดังนั้น การเลือกใช้เก้าอี้ที่ออกแบบมาตามหลักสรีรศาสตร์ จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานและเรียนแบบ Work From Home ได้เป็นอย่างดี

เก้าอี้ที่เหมาะกับการทำงานและเรียนจากบ้านในยุคปัจจุบัน

1. ฟังก์ชันที่ช่วยลดความเมื่อยล้า

เก้าอี้สุขภาพหลายรุ่นถูกออกแบบพิเศษเพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าจากการนั่งทำงานและเรียนเป็นเวลานาน ตัวอย่างเช่น การมีพนักพิงหลังที่ปรับระดับได้ เพื่อให้รองรับสรีระของแต่ละคน หมอนรองคอและที่วางแขนที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ หรือแม้กระทั่งการมีเบาะนั่งที่ทำจากวัสดุพิเศษ เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้นั่งทำงานหรือนั่งเรียนได้อย่างสบายยิ่งขึ้น

2. การรองรับน้ำหนัก

นอกจากฟังก์ชันในการลดความเมื่อยล้าแล้ว เก้าอี้สุขภาพส่วนใหญ่ยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้อย่างแข็งแรง ซึ่งมีโครงสร้างที่สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 200 กิโลกรัม เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา หรือใครก็ตามที่ต้องนั่งทำงานและเรียนที่บ้านเป็นเวลานาน

3. การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์

เก้าอี้สุขภาพถูกออกแบบมาโดยยึดหลักสรีรศาสตร์เป็นสำคัญ ตั้งแต่รูปทรง ขนาด และตำแหน่งของส่วนต่าง ๆ เช่น พนักพิง ที่วางแขน และเบาะนั่ง เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับสรีระของผู้ใช้งาน ซึ่งช่วยให้นั่งทำงานและเรียนได้อย่างมีความสุขโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว

4. วัสดุที่มีคุณภาพและความทนทาน

เก้าอี้สุขภาพส่วนใหญ่มักเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง เช่น อะลูมิเนียม โฟมฉีดขึ้นรูป และตาข่าย ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสบายในการนั่งแล้ว ยังช่วยให้เก้าอี้มีความแข็งแรง ทนทาน และระบายอากาศได้ดีอีกด้วย แตกต่างจากเก้าอี้ทำงานแบบทั่วไปที่มักใช้วัสดุที่ตอบโจทย์ด้านงบประมาณมากกว่า

5. ราคาที่คุ้มค่ากับประโยชน์ที่ได้รับ

ถึงแม้ว่าเก้าอี้สุขภาพจะมีราคาที่สูงกว่าเก้าอี้ทำงานทั่วไป แต่ด้วยคุณสมบัติที่ครบครันและตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ทำให้เก้าอี้สุขภาพถูกยอมรับและเป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุขภาพ วัยทำงาน และนักเรียนนักศึกษา ด้วยประโยชน์ที่จะได้รับในระยะยาว จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องใช้เวลานั่งทำงานและเรียนที่บ้านเป็นหลัก

เลือกเก้าอี้สุขภาพที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การใช้งาน

ในการเลือกซื้อเก้าอี้สุขภาพ ควรคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ฟังก์ชันการใช้งาน การรองรับน้ำหนัก และงบประมาณ เพื่อให้ได้เก้าอี้ที่ตอบโจทย์กับการใช้งานสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น การทำงานที่บ้าน การเรียนที่บ้าน หรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน ซึ่งจะช่วยลดความเมื่อยล้าและป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้เป็นอย่างดี