สุขภาพดี
จากวิกฤต ‘สโตรก’ สู่นักวิ่งมาราธอน’ณรงค์ชัย จันทร์พร’ สุดแฮปปี้-สุขภาพดีเยี่ยมเชิญชวนลงทะเบียน ร่วม ‘เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต#10 เฉลิมพระเกียรติฯ’2 พ.ย.นี้

อัพเกรดความเป็นตัวเอง: จากการเป็นผู้ป่วยสโตรก สู่การเป็นนักวิ่งมาราธอน

นายณรงค์ชัย จันทร์พร เภสัชกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ได้เล่าถึงประสบการณ์การเป็นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และการฟื้นฟูสภาพด้วยการออกกำลังกาย จนสามารถบรรลุเป้าหมายการวิ่งมาราธอน อันแสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความมุ่งมั่นและการไม่ยอมแพ้ท่ามกลางความท้าทาย

ชีวิตที่ 'เปลี่ยนไป' หลังเจ็บป่วยด้วยโรคสโตรก

จากคนไข้สโตรกสู่การยืนหยัดอีกครั้ง

นายณรงค์ชัย เล่าว่า ในช่วงที่เกิดอาการโรคหลอดเลือดสมอง เขามีอาการอ่อนแรงและชา ซึ่งทำให้เดินไม่ได้ปกติ โชคดีที่มีนายแพทย์สาธารณสุขอยู่ใกล้ ช่วยพาเขาไปส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที เขากล่าวว่า "ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองมันทำอะไรไม่ได้ มีอาการชายหมดเลย" แต่หลังจากได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล ร่างกายด้านขวาของเขากลับไม่สามารถใช้งานได้ เขาจึงตัดสินใจลางานกลับกรุงเทพฯ เพื่อพักฟื้น

เดินและวิ่งกลับมาฟื้นคืนชีพ

ระหว่างการพักฟื้นที่กรุงเทพฯ คุณแม่ของเขาแนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการบริหารมือ ซึ่งช่วยให้อาการชาดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร จึงเกิดความคิดว่า การเดินและการวิ่งคงจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ดีกว่า เขาจึงเริ่มจากการวิ่งและพบว่า การวิ่งช่วยให้อาการชาทางมือขวาดีขึ้น จนสามารถเขียนหนังสือได้อีกครั้ง "จากคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย ก็กลายมาเป็นคนออกกำลังกายอย่างจริงจัง"

วิ่งเพื่อกลับมา 'ไม่พิการ'

นายณรงค์ชัยมีเป้าหมายในการออกกำลังกายคือ เพื่อรักษาโรคแทรกซ้อนและป้องกันความพิการจากสโตรก หลังจากพบว่าตัวเองยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ เขาจึงตั้งเป้าหมายที่จะวิ่งให้ถึงระดับมาราธอน เพื่อให้การฟื้นฟูสภาพของตนยั่งยืนมากขึ้น โดยเริ่มจากการร่วมงานวิ่งข้ามโขง จากนั้นก็ฮาฟมาราธอน และล่าสุดสามารถวิ่งมาราธอนได้สำเร็จ "เรามีความสุขมากที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารัก"

ขยายผลสู่การส่งเสริมการออกกำลังกายในชุมชน

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เห็นถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายในการป้องกันอัมพาตจากโรคสโตรก จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกกลุ่มวัยในจังหวัดนครพนมร่วมกิจกรรม 'โครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติฯ' ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศลเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในที่สุดก็เจอความลับ ‘ผิวสวยสุขภาพดี’ Nang Ram Body Oil ขวดนี้ฮิตจนขาดตลาดได้อย่างไร?

แปลกใหม่ในเรื่องการดูแลผิวที่เข้มข้นด้วย Nang Ram Body Oil จาก JOURNAL

ในยุคสมัยที่ทุกคนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทุกคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาสารออกฤทธิ์ที่เหมาะสม การเลือกกลิ่นที่ใช่ หรือการหาเนื้อสัมผัสที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นโดยไม่มีความเหนียวเหนอะหนะ Nang Ram Body Oil จาก JOURNAL จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการดูแลผิว และเสริมความมั่นใจไปพร้อมกัน

ออยล์ธรรมชาติที่ทั้งบำรุงผิว และเสริมความมั่นใจ

ความพิเศษของออยล์บำรุงผิวจาก JOURNAL

JOURNAL เป็นแบรนด์ของคนไทยที่เกิดจากความหลงใหลในภูมิปัญญา ความเชื่อ และความรักในวัฒนธรรมไทย โดยแบรนด์ได้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพอากาศในประเทศไทยเป็นอย่างดี ซึ่งนำมาสู่การพัฒนา Nang Ram Body Oil เพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ต้องออกนอกบ้านอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ แม่บ้านที่ทำงาน หรือกลุ่มสาวทันสมัยที่ใส่ใจดูแลตัวเอง ทาแล้วต้องสบายผิวแม้ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว และที่สำคัญคือ ใช้แล้วยังทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น เปล่งประกาย รวมถึงให้กลิ่นหอมที่เสริมความมั่นใจอีกด้วย

กลิ่นหอมที่สะท้อนตัวตน

JOURNAL มีความเชื่อว่ากลิ่นหอมสามารถสะท้อนตัวตนของแต่ละคนได้ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะแคร์กลิ่นเดียวกันตลอดเวลา แต่สำหรับ Nang Ram Body Oil มีกลิ่นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ไม่ว่าจะบุคลิกแบบไหน ก็สามารถใช้ได้ เมื่อทาลงบนผิว กลิ่นจะเผยตัวตนของคนคนนั้นออกมาอย่างชัดเจน ให้ความรู้สึกที่เย้ายวน น่าค้นหา และเหมาะกับสาวยุคใหม่สุดๆ

กลิ่นหอมแห่งความเย้ายวน

กลิ่นของ Nang Ram Body Oil ได้รับแรงบันดาลใจจากลุคของผู้หญิงที่อ่อนช้อย งดงาม แต่กลับดูลึกลับ น่าค้นหา ส่งผลให้กลิ่นนี้ให้ความรู้สึกเซ็กซี่และเย้ายวน แบรนด์ได้คัดสรรสารสกัดจากพฤกษาชาติต่างๆ อย่างกลิ่นเย้ายวนของดอกเชอรี่ ความหอมนุ่มลึกของดอกกุหลาบ และดอกไม้ขาว จนปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมลึกลับของไม้กฤษณา ให้ความรู้สึกเลอค่า สง่างาม พร้อมเสน่ห์เย้ายวนใจ เหมือนเป็นกลิ่นหอมของไทยที่คนไทยหลงใหลได้ง่ายๆ

เนื้อสัมผัสที่ช่วยเสริมความมั่นใจ

สาวๆ ในยุคนี้มีความรู้และเข้าใจในเรื่องของการดูแลผิวมากขึ้น ไม่เพียงแต่ต้องการผิวที่ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และดูสุขภาพดี แต่ยังต้องการกลิ่นหอมที่ติดผิวอีกด้วย Nang Ram Body Oil สามารถตอบโจทย์ต่างๆ เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี โดยเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบไว ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น เปล่งประกาย ลดเลือนรอยแผลเป็น และยังมีกลิ่นหอมติดผิวด้วย แม้ในสภาวะที่เหงื่อออก หรือออกแดดก็ไม่ทำให้กลิ่นหายไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Nang Ram Body Oil ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในกลุ่มสาวรุ่นใหม่

ออกแบบบรรจุภัณฑ์อย่างเรียบง่าย แต่แฝงความหมาย

การออกแบบบรรจุภัณฑ์ของ Nang Ram Body Oil มีความเรียบง่าย แต่แฝงความหมายและความพิเศษที่ผู้ใช้จะได้รับ ด้วยฝาขวดสีดำที่ตัดกับเนื้อออยล์สีเหลืองอ่อน และขวดพลาสติกสีใส ซึ่งมีการแต่งขอบบนล่างให้นูนคล้ายลายแผนที่ เพื่อสื่อถึงการเดินทางไปค้นพบแรงบันดาลใจก่อนที่จะมาเป็นบอดี้ออยล์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าดึงดูด ไม่แปลกใจเลยที่ Nang Ram Body Oil ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนสินค้าขาดตลาดไปช่วงหนึ่ง และยังติดอันดับกลิ่นขายดีอีกด้วย
See More
จากวิกฤต ‘สโตรก’ สู่นักวิ่งมาราธอน‘ณรงค์ชัย จันทร์พร’ สุดแฮปปี้-สุขภาพดีเยี่ยมเชิญชวนลงทะเบียน ร่วม ‘เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต#10 เฉลิมพระเกียรติฯ’2 พ.ย.นี้

นิสัยการออกกำลังกายที่เป็นยาวาสนา: จากการที่เคยไม่สามารถเดินได้เต็มที่ สู่การวิ่งไปเสร็จสิ้นการแข่งขันมาราธอน

นายณรงค์ชัย จันทร์พร เภสัชกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม เล่าถึงเหตุการณ์ที่ประสบความสำเร็จในการออกกำลังกายและการวิ่งจนถึงระดับมาราธอน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายภายหลังจากการป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราต้องก้าวออกมาออกกำลังกาย

การเผชิญหน้ากับการป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และความกลัวต่อความพิการ

นายณรงค์ชัย เล่าว่า เมื่อเขาป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง จากอาการอ่อนแรง และการเดินไม่ได้ตลอดเวลา ทำให้เขาตระหนักว่าต้องมีการฟื้นฟูร่างกายอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันความพิการที่อาจเกิดขึ้น เขากลัวว่าจะต้องเป็นอัมพาตถาวรเหมือนผู้ป่วยรายอื่น ซึ่งเขาได้เห็นด้วยตาตัวเอง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้เริ่มต้นออกกำลังกายอย่างจริงจัง เพื่อฟื้นฟูสุขภาพและร่างกายของตัวเอง

การได้รับคำแนะนำและดูแลจากครอบครัว

หลังจากเกิดอาการเป็นโรคหลอดเลือดสมองแล้ว นายณรงค์ชัยได้รับคำแนะนำและการดูแลเป็นอย่างดีจากคุณแม่ ซึ่งแนะนำให้เขาออกกำลังกายด้วยการบริหารมือ ซึ่งช่วยให้อาการชาบริเวณมือดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่เพียงพอ จึงทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นการออกกำลังกายด้วยการเดินและวิ่งแทน ซึ่งเขาพบว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น

การคืนสู่กิจวัตรปกติ และการหาความสุขส่วนตัว

เมื่อนายณรงค์ชัยได้เริ่มออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยการเดินและวิ่ง เขาพบว่าอาการชาบริเวณมือค่อย ๆ ดีขึ้น จนสามารถเขียนหนังสือและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองจะไม่ต้องพิการ ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจกลับมาทำงานที่เดิม และยังสามารถเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งช่วยเติมเต็มความสุขส่วนตัวให้กลับมา

การค้นพบความหลงใหลในการวิ่ง และการมีเป้าหมายชัดเจน

เมื่อนายณรงค์ชัยได้เริ่มออกกำลังกายด้วยการเดินและวิ่ง เขาพบว่าการวิ่งนั้นสร้างความสุขให้กับตัวเขามากกว่ากิจกรรมอื่น ๆ จึงตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมากขึ้น โดยเริ่มจากการวิ่งข้ามแม่น้ำโขง จากนั้นก็เป็นการวิ่งฮาฟมาราธอน และในที่สุดก็วิ่งถึงการแข่งขันมาราธอน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เขาตั้งใจจะทำให้สำเร็จ เพื่อให้การออกกำลังกายของเขามีความยั่งยืนและต่อเนื่อง

การสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น

ในฐานะที่เป็นเภสัชกรชำนาญการพิเศษ และหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายณรงค์ชัยได้ใช้ประสบการณ์ของตัวเองในการออกกำลังกายและการวิ่งมาราธอนเป็นแรงบันดาลใจให้กับประชาชนในจังหวัดนครพนม โดยได้เชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม 'โครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติฯ' ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้ออกกำลังกายและดูแลสุขภาพของตัวเอง
See More