ความบันเทิง
หนังคนม้วน? พนง.โรงหนัง เผยเรื่องจริง ลุงไม่ได้ถูก ไบค์เกอร์ชกจนสลบ | BRIGHTTV.CO.TH
โรงหนังยังไงล่ะ? รีบชี้แจงตรงประเด็น หลังลุงโดนทำร้ายกอบกู้ความเป็นธรรม

โรงหนังยังไงล่ะ? รีบชี้แจงตรงประเด็น หลังลุงโดนทำร้ายกอบกู้ความเป็นธรรม

เมื่อเร็วๆ นี้ ชายวัย 60 ปี ถูกทำร้ายร่างกายภายในโรงหนังอย่างรุนแรง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเข้าไปตักเตือนกลุ่มวัยรุ่นเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างดูหนัง แต่กลับถูกชกและเตะจนกรามหัก สลบคาที่ ถูกบันทึกเป็นคดีแต่ยังไม่คืบหน้า เจ้าตัวจึงร้องขอความเป็นธรรมผ่านทางโซเชียล ล่าสุด ทางโรงหนังก็ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งมีความแตกต่างจากที่ลุงเคยเล่ามา

ชูหลักฐานแก้คดี กอบกู้ชื่อเสียงโรงหนัง

บุกไปตั้งกฎเรื่องโทรศัพท์ในโรงหนัง

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ลูกค้าชายรายนี้ซื้อตั๋วมารับชมภาพยนตร์ในโรงหนังที่ 2 เพียงลำพัง ขณะรอให้หนังเริ่ม เขาก็เดินไปตักเตือนกลุ่มลูกค้าที่นั่งอยู่ แถวหน้าเขา ด้วยเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือซึ่งส่องสว่างรบกวนการรับชมภาพยนตร์ของตนเจ้าของโรงหนังระบุว่า แท้จริงแล้วลักษณะของลูกค้ารายนี้ดูน่าจะอายุไม่ถึง 60 ปี เหตุการณ์ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นก่อนที่ภาพยนตร์จะเริ่มฉาย ไม่ใช่ระหว่างรับชมหนังตามที่ลูกค้าแจ้งไว้

ถูกกลุ่มวัยรุ่นตบหน้าจนกรามหัก

เมื่อภาพยนตร์จบลง กลุ่มวัยรุ่นที่ถูกลูกค้ารายนี้ตักเตือนก่อนหน้านั้น เริ่มเดินออกจากโรงหนัง ซึ่งลูกค้าดังกล่าวกลับยังคงต่อว่าพวกเขาอีก ทำให้กลุ่มวัยรุ่นบางคนเกิดความสงสัยและไม่พอใจ จึงเดินเข้าไปชกหน้าลูกค้ารายนี้อย่างแรง ก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอก ส่งผลให้ลูกค้ารายนี้ล้มลงกับพื้น แต่ตามที่เจ้าตัวเคยเล่ามา ก็ไม่ได้สลบไปจริง

พนักงานรีบพาไปแจ้งความทันที

หลังจากเกิดเหตุ พนักงานโรงหนังก็รีบพาลูกค้าที่ถูกทำร้ายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจพหลโยธิน แต่ฝ่ายที่ก่อเหตุกลับไม่อยู่รอ โดยบอกว่ารอไม่ไหวแล้ว ให้ลูกค้ารายนี้ไปติดต่อที่สถานีตำรวจเอง

ตำรวจเร่งเรียกมาไกล่เกลี่ย

ล่าสุด ทางสถานีตำรวจพหลโยธินได้ออกหมายเรียกให้ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในวันที่ 16 กันยายน 2567 ทั้งนี้ ทางโรงหนังระบุว่า พวกเขาไม่นิ่งนอนใจ และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความตระหนักและวินัยเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในโรงภาพยนตร์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับการรับชมภาพยนตร์อย่างมีความสุข ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคลและเข้าใจความหวงแหนของผู้อื่น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด การใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และคงต้องรอการไกล่เกลี่ยของทางการตำรวจในครั้งนี้
แบกรับไม่ไหว! นก ฉัตรชัย เศร้า ไม่มีละครให้ทำ จำต้องปิดบริษัท ที่สร้างมา 20 ปี

ละครไทยในยุควิกฤต: ความท้าทายและโอกาสการปรับตัว

วงการละครไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ การลดลงของจำนวนผู้ชมและความเปลี่ยนแปลงของตลาดส่งผลให้ผู้จัดละครต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน บริษัท "เมตตา" และ "มหานิยม" ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ต้องตัดสินใจปิดกิจการชั่วคราวเพื่อให้พนักงานสามารถเปลี่ยนไปทำงานอื่น สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมละครไทย

ความหวังและความท้าทายในการสร้างสรรค์ละครที่ดีที่สุดในยุควิกฤต

ความลำบากของผู้จัดละครในการปรับตัว

ในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ ผู้จัดละครชื่อดังอย่าง นก ฉัตรชัย และบริษัท "เมตตา" และ "มหานิยม" ที่เขาก่อตั้งขึ้นต้องเผชิญกับความกดดันและความเครียดอย่างมาก การลดลงของจำนวนผู้ชมละครและความรุนแรงของการแข่งขันในตลาดสื่อบันเทิงสร้างแรงกดดันให้พวกเขาต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ผู้จัดต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในการรักษาบริษัทให้อยู่รอดท่ามกลางความท้าทาย

การปรับตัวเพื่อความยั่งยืน

ในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ นก ฉัตรชัย และบริษัทของเขาต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ การปรับกลยุทธ์ในการผลิต การตลาด และการหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ นับเป็นสิ่งสำคัญ พวกเขาต้องพิจารณาทางเลือกที่หลากหลาย รวมถึงการขยายไปยังแพลตฟอร์มใหม่ๆ การร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ และการหาแรงบันดาลใจจากแนวคิดใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ชมในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวโน้มและโอกาสในอนาคต

ท่ามกลางความท้าทายที่กำลังเผชิญ วงการละครไทยก็มีแนวโน้มและโอกาสใหม่ๆ ที่น่าสนใจ การขยายตัวของแพลตฟอร์มดิจิทัลและการเพิ่มขึ้นของช่องทางการเข้าถึงเนื้อหาบันเทิงที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้ละครไทยสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตละครก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของผลงาน ขณะเดียวกัน การค้นหาแนวคิดใหม่ๆ และการให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องที่สะท้อนความเป็นไทยก็จะช่วยให้ละครไทยสร้างความแตกต่างและสร้างฐานผู้ชมที่ภักดีได้
See More
ผลงานล่าสุดของผู้จัด “นก ฉัตรชัย” กระแสไม่ธรรมดา

ละครไทยเจอพายุสาแหรกตัด "บริษัทเมตตา และมหานิยม" ปิดตัวชั่วคราว

จากกรณีที่ "นก สินจัย" ออกมาเปิดเผยข่าวร้ายว่า สามีของเธอ "นก ฉัตรชัย" ตัดสินใจปิด "บริษัทเมตตา และมหานิยม" บริษัทผลิตละครที่มีผลงานโดดเด่นมากมาย เนื่องจากวิกฤตการณ์ในวงการละครไทยที่ไม่สามารถรับผลตอบแทนที่เพียงพอที่จะพยุงค่ายละครของตัวเองต่อไปได้

ละครไทยเข้าสู่ยุคมืดท่ามกลางวิกฤตอุตสาหกรรม

วิกฤตการณ์ที่ทำให้ "บริษัทเมตตา และมหานิยม" ต้องปิดตัวชั่วคราว

การปิดตัวชั่วคราวของ "บริษัทเมตตา และมหานิยม" นับเป็นข่าวสะเทือนวงการบันเทิงไทยอย่างมาก เพราะนี่คือบริษัทที่ผลิตละครชื่อดังหลายเรื่อง เช่น "ตะวันเดือด", "เหนือเมฆ", "คมแฝก" และ "เกมล่าทรชน" ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชม และมีเรตติ้งสูง แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของวงการละครไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้รายได้จากการผลิตละครไม่เพียงพอสำหรับการดำเนินงานต่อไป

ความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อวงการละครไทย

วงการละครไทยในปัจจุบันต้องเผชิญกับหลายความท้าทายที่ส่งผลให้บรรยากาศในอุตสาหกรรมเริ่มย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสื่อใหม่อย่างโซเชียลมีเดีย และความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ลดลง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปสนใจสื่อบันเทิงรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งล้วนส่งผลให้ผลตอบแทนจากการผลิตละครไม่เพียงพอสำหรับค่ายละครที่จะดำรงอยู่ต่อไปได้

ผลงานชิ้นสุดท้ายของ "บริษัทเมตตา และมหานิยม"

ก่อนหน้านี้ "บริษัทเมตตา และมหานิยม" ได้ผลิตละครเรื่อง "ดวงใจเทวพรหม ตอน ใจพิสุทธิ์" ซึ่งถือเป็นเรื่องสุดท้ายก่อนที่บริษัทจะปิดตัวชั่วคราว ละครเรื่องนี้มีนักแสดงหน้าใหม่อย่าง "เทศน์ ไมรอน" และ "อุ้ม อิษยา" มารับบทนำ และเมื่อเปิดให้ผู้ชมรับชมกันก็ได้รับกระแสที่ดีถึงดีมาก ติดเทรนด์อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านงบประมาณและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น จึงทำให้ "บริษัทเมตตา และมหานิยม" ต้องตัดสินใจปิดบริษัทลงชั่วคราว

ความรู้สึกของแฟนละครกับการปิดตัวชั่วคราวของบริษัท

เมื่อมีข่าวการปิดตัวชั่วคราวของ "บริษัทเมตตา และมหานิยม" ออกไป ก็ทำให้แฟนละครหลายคนรู้สึกเสียดายมาก เพราะบริษัทนี้เป็นค่ายที่ผลิตผลงานละครชื่อดังที่หลายคนติดตามและชื่นชอบ การปิดตัวลงของบริษัทในครั้งนี้จึงส่งผลให้แฟนละครรู้สึกเสียใจและผิดหวังเป็นอย่างมาก
See More