ความบันเทิง
‘พัคโบยอง – อันแจฮง’ เตรียมรับหน้าที่พิธีกรในงานเปิดตัวเทศกาลภาพยนตร์ ‘Busan International Film Festival’ ครั้งที่ 29

ทำเอาตื่นเต้น! ดารายักษ์สวมบทพิธีกรเทศกาลหนังระดับโลก

ดารายักษ์แห่งวงการบันเทิงเกาหลี พัคโบยอง และ อันแจฮง ได้รับเกียรติให้เป็นพิธีกรในพิธีเปิดงาน 'เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูซาน' ครั้งที่ 29 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ โดยการตอบรับหน้าที่นี้ของทั้งคู่มีมากกว่าการเป็นเพียงพิธีกรอีกเพียงแค่กิจกรรม แต่ยังเป็นการยกย่องศักยภาพทางการแสดงและความนิยมที่พวกเขาได้สั่งสมมานานในฐานะดาราชั้นแนวหน้าของวงการบันเทิงเกาหลี

อัปเดตหน้าสนามรบวงการหนัง จ้องพลิกพลิ้วอยู่แต่บนจอ

ประธานต้อนรับสองดาราเป็นพิธีกรงานเทศกาลหนังชั้นนำ

สมาคมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูซาน (Busan International Film Festival หรือ BIFF) ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กันยายน ว่าได้เลือก พัคโบยอง และ อันแจฮง เป็นผู้ดำเนินรายการในพิธีเปิดงานครั้งนี้ โดยจะดำเนินรายการในวันที่ 2 ตุลาคม เวลา 17.00 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) ซึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุดของดาราทั้งสองทั้งนี้ "เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูซาน" เป็นงานประจำปีของแวดวงภาพยนตร์ที่เปี่ยมไปด้วยความสำคัญ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 29 ในระหว่างวันที่ 2-11 ตุลาคม 2024 ณ Busan Cinema Center โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่หนังและผู้กำกับจากภูมิภาคเอเชียไปสู่สาธารณชน

ดาราชั้นแนวหน้าเคยก้าวเข้าสู่เวทีงานเทศกาลเมืองพูซานมาก่อนแล้ว

สำหรับทั้งเพลิงธรรมดา พัคโบยอง และ อันแจฮง ที่ถูกเลือกมาเป็นพิธีกรเทศกาลครั้งนี้ ต่างก็มีประวัติพุ่งทะยานในแวดวงแสดงมาก่อน พัคโบยอง เคยได้เข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูซานในปี 2015 ในฐานะนักแสดงนำในภาพยนตร์ "The Silenced" รวมถึงภาพยนตร์ "Collective Invention" ที่ประกอบคู่กับ อีชอนฮี และ อีกวางซู นอกจากนี้เธอยังมีผลงานภาพยนตร์ล่าสุดร่วมกับ พัคซอจุน ในเรื่อง "Concrete Utopia" ในปี 2023 ที่ผ่านมาฝั่ง อันแจฮง ก็มีผลงานภาพยนตร์ "The Sunshine Boys" ที่ได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูซานครั้งที่ 28 ในปีที่แล้ว และเขายังมีบทบาทนำในซีรีส์ "LTNS" ที่ได้รับการคัดเลือกให้ฉายในหมวดหมู่ "On Screen" ของงานเทศกาลฯ ในปี 2023 ที่จะถึงนี้ด้วย

โอกาสครั้งมหาศาลของดาราชั้นแนวหน้าวงการบันเทิงเกาหลี

การที่ พัคโบยอง และ อันแจฮง ได้รับความไว้วางใจให้มาดำเนินรายการในพิธีเปิดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูซานครั้งนี้ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในอาชีพการแสดงของพวกเขา ทั้งในมิติของการได้รับการยอมรับจากวงการภาพยนตร์และการเผยแพร่ชื่อเสียงไปสู่สาธารณชนในวงกว้างงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติพูซานเป็นจุดรวมตัวของคนรักหนัง นักวิจารณ์ และบุคลากรในวงการสร้างภาพยนตร์จากทั่วโลก ซึ่งการได้มารับหน้าที่พิธีกรในวันเปิดงาน จะช่วยทำให้ทั้งคู่เป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะดาราระดับแถวหน้า และมีโอกาสสร้างเครือข่ายและสร้างความสัมพันธ์อันดีในวงการภาพยนตร์นานาชาติด้วยผลงานและสถานภาพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมทั้ง พัคโบยอง และ อันแจฮง จึงถูกเลือกให้เป็นพิธีกรงานเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันทรงเกียรติที่จะเพิ่มพูนความนิยมและสร้างชื่อเสียงให้พวกเขามากขึ้นอีก
เปิดโผรางวัลคนทำหนัง “สุพรรณหงส์ครั้งที่ 32 ประจำปี 2566”
หนังไทยอยู่ในยุคทอง ในปี 2566 ที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของวงการภาพยนตร์ไทย กับการมีภาพยนตร์เข้าฉายมากถึง 54 เรื่อง และมีภาพยนตร์ที่สร้างรายได้ทะลุ 100 ล้านบาท ถึง 4 เรื่อง ได้แก่ ขุนพันธ์ 3, สัปเหร่อ, ธี่หยด และ 4Kings2 นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในการสร้างสรรค์ผลงานที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ชม และสามารถดึงดูดคนในวงกว้างให้เข้ามาร่วมชมภาพยนตร์ไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณภาพหนังไทยพา "ความร่วมมือร่วมใจ" ก้าวสู่ยุคทอง

ความสำเร็จของภาพยนตร์ไทย

ในปี 2566 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์ไทยมีความโดดเด่นและประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉาย 54 เรื่อง ซึ่งจัดว่ามีมากกว่าปีที่ผ่านมาหลายเท่า และภาพยนตร์ไทยสามารถสร้างรายได้ทะลุ 100 ล้านบาทได้ถึง 4 เรื่อง ได้แก่ ขุนพันธ์ 3, สัปเหร่อ, ธี่หยด และ 4Kings2 แสดงให้เห็นถึงคุณภาพและความสามารถในการเข้าถึงใจผู้ชมของภาพยนตร์ไทยในปัจจุบัน

การสนับสนุนจากรัฐและองค์กรภาค

ความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยในปีนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงวัฒนธรรม ที่ร่วมกับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ จัดงานประกาศรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 32 ประจำปี 2566 เพื่อยกย่องและชื่นชมความสำเร็จของภาพยนตร์ไทย โดยในปีนี้มีการเพิ่มรางวัลใหม่ "รางวัลภาพยนตร์ไทยรายได้สูงสุด" เพื่อมอบให้กับภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2566 อย่างภาพยนตร์เรื่อง "สัปเหร่อ" ด้วย นับเป็นการส่งเสริมและให้การสนับสนุนวงการภาพยนตร์ไทยอย่างเป็นรูปธรรม

คอนเซ็ปต์แห่งความร่วมมือ

สำหรับงานประกาศรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 32 ในปีนี้ ได้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ "แสงแห่งกันและกัน" โดยไอเดียมาจาก "แสงแห่งศรัทธา" ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้สร้างหนังและผู้ชมภาพยนตร์ต่างร่วมกันรักษา และสอดส่องดูแล ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือร่วมใจในกันและกัน เพื่อก้าวไปสู่ "ยุคทอง" ครั้งใหม่ของหนังไทยต่อไป
See More
ใจหาย ผู้จัดละครดัง ต้องปิดบริษัทที่สร้างมา20กว่าปี แบกรับไม่ไหวให้พนักงานได้แยกย้าย

ความผันผวนในวงการละคร: การปรับตัวและความรับมืออย่างมืออาชีพของผู้จัดละครชื่อดัง

วงการละครไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในสภาวะการณ์ปัจจุบันที่อุตสาหกรรมนี้ประสบกับวิกฤตการหดตัวของผู้ชม เราได้รับฟังเรื่องราวและแนวทางในการปรับตัวของ นก ฉัตรชัย และ บริษัท เมตตา และ มหานิยม ซึ่งเป็นผู้จัดละครที่มีประสบการณ์ยาวนานในการสร้างสรรค์ผลงานดังกว่า 20 ปี

ภาคความคิดเห็น: การปรับตัวของผู้จัดละครมืออาชีพกับวิกฤตของวงการละครไทย

ก้าวเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลง: ความท้าทายที่ผู้จัดละครต้องเผชิญ

ผู้จัดละคร นก ฉัตรชัย และ บริษัท เมตตา และ มหานิยม กำลังเผชิญกับความกดดันและความท้าทายอย่างมาก ในช่วงที่วงการละครไทยก้าวเข้าสู่ยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมนี้ประสบกับปัญหาการลดลงของจำนวนผู้ชม และความลังเลของช่องทีวีในการลงทุนผลิตละคร ส่งผลให้ผู้จัดหลายรายต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในฐานะผู้จัดละครอาวุโส นก ฉัตรชัย เผยว่าตนเองกำลังอยู่ในช่วงการปรับตัวอย่างเต็มที่ เขารู้สึกเครียดและกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตของวงการละครและบริษัทของตน ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและความนิยมของประชาชนที่เปลี่ยนไปเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจปิดบริษัทลงชั่วคราว เพื่อให้พนักงานสามารถหางานใหม่ทำได้ ในขณะที่เขาเองก็ยังคงมองหาแนวทางใหม่ๆ ในการประกอบอาชีพต่อไป

การปรับตัวและการพิจารณาแนวทางใหม่: ตัวอย่างจากประสบการณ์ของ นก ฉัตรชัย

ความท้าทายที่ผู้จัดละคร นก ฉัตรชัย ต้องเผชิญในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา เพราะเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เขาก็ได้ผ่านวิกฤตการขาดแคลนงานมาแล้ว ในขณะนั้น เขาได้ปรับตัวด้วยการเสาะหาโอกาสใหม่ๆ ทั้งในและนอกวงการละคร ซึ่งทำให้เขาสามารถผ่านพ้นวิกฤตนั้นไปได้ในทางกลับกัน ผู้จัดบริษัท เมตตา และ มหานิยม ซึ่งเป็นภรรยาของ นก ฉัตรชัย ให้ความเห็นว่า ในปีนี้และปีหน้า สถานการณ์น่าจะย่ำแย่กว่านั้น เนื่องจากคาดการณ์ว่างานในวงการละครจะมีน้อยลงอีก ยิ่งทำให้ นก ฉัตรชัย รู้สึกเครียดและกังวลเป็นอย่างมาก เขานอกจากจะต้องปิดบริษัทช่ัวคราวเพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถหางานใหม่ได้แล้ว ยังต้องค้นหาโอกาสและงานใหม่ๆ สำหรับตัวเองอย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ นก ฉัตรชัย ยังคงมีความหวังและยังไม่ได้ถอดใจ เขายังคงพยายามหางานและโครงการใหม่ๆ มาดำเนินการ และศึกษาหาแนวทางในการปรับตัวเพื่อให้สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้ ซึ่งทั้งเขาและภรรยาก็ยังคงให้กำลังใจและดูแลกันเป็นอย่างดี

ความรับมือและการรักษาขวัญกำลังใจ: บทบาทของ บริษัท เมตตา และ มหานิยม

ในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ บริษัท เมตตา และ มหานิยม ซึ่งเป็นบริษัทของ นก ฉัตรชัย และภรรยา ก็ได้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและรักษาขวัญกำลังใจของทีมงาน แม้ว่าในที่สุดพวกเขาจะต้องตัดสินใจปิดบริษัทลงชั่วคราว แต่ด้วยความทุ่มเทและความรับผิดชอบต่อพนักงานที่มีความผูกพันกับบริษัทมากว่า 20 ปี ทำให้พวกเขาดูแลเรื่องการให้พนักงานแยกย้ายไปหางานใหม่ได้อย่างเหมาะสมนอกจากนี้ บริษัท เมตตา และ มหานิยม ยังคงให้การสนับสนุนและเป็นที่พึ่งพิงของ นก ฉัตรชัย ในช่วงเวลาที่เขารู้สึกเครียดและกังวล เนื่องจากเขาเป็นผู้จัดละครเต็มตัวและสร้างผลงานมากมาย การสูญเสียบริษัทและงานที่เขารักและทุ่มเทมาตลอดกว่า 20 ปี จึงส่งผลกระทบกับเขาเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยความรักและการให้กำลังใจจากภรรยา ทำให้ นก ฉัตรชัย ยังคงมีความหวังและยังไม่ถอดใจในการหางานใหม่มาประกอบอาชีพต่อไป

ก้าวข้ามวิกฤต: แนวทางในการปรับตัวและพัฒนาของผู้จัดละคร

ในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ นก ฉัตรชัย และ บริษัท เมตตา และ มหานิยม ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความสามารถในการปรับตัวอย่างน่าชื่นชม แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายและความกังวลอย่างมาก แต่พวกเขายังคงมองหาและศึกษาแนวทางใหม่ๆ อย่างไม่หยุดนิ่งด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมามากกว่า 20 ปี ในการสร้างสรรค์ผลงานละครที่ประสบความสำเร็จมากมาย พวกเขาน่าจะมีศักยภาพที่จะก้าวข้ามวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปได้ ด้วยการหาโอกาสและงานใหม่ๆ ในสายงานที่เกี่ยวข้อง หรือแม้กระทั่งการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับความถนัดและความสนใจดังนั้น การปรับตัวและความรับมือของ นก ฉัตรชัย และ บริษัท เมตตา และ มหานิยม จึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้จัดละครรายอื่น ๆ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ในอุตสาหกรรมนี้ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบวิชาชีพสายสร้างสรรค์ ให้มีความมุ่งมั่นและความอดทนในการผ่านพ้นความท้าทายต่าง ๆ ไปได้
See More