ความบันเทิง
คอละครพื้นบ้านเฮ! “บิ๊กลอร์ด” เข็นผลงานใหม่สุดเริ่ดเอาใจคุณหนู | daradaily

เปิดโผนักแสดงใหม่เชิด ปกเค้า "บิ๊กลอร์ด" ใหม่ไฉไลกว่าเดิม

ละครพื้นบ้านช่องดัง "ค่ายสามเศียร" ไม่มีท่าจะตก ยิ่งทำให้แฟนๆ ที่ติดตามคึกคัก เมื่อเจ้าพ่อแห่งละครพื้นบ้าน "บิ๊กลอร์ด สยม" แถลงการณ์ส่งซิกแล้วว่า กำลังมีการปล่อยผลงานใหม่ พร้อมขนทัพนักแสดงหน้าใหม่ดาวรุ่งมาให้ชม เร้าใจผู้ชมในทุกรุ่นวัย

ค่ายดังไม่หยุดพัฒนา พร้อมเผยโฉมตัวแทนจิตวิญญาณละครพื้นบ้าน

ค่ายสามเศียร นำโดย "บิ๊กลอร์ด" กวาดรางวัลจนกลายเป็นต้นแบบละครพื้นบ้าน

ค่ายสามเศียรเป็นหนึ่งในค่ายละครพื้นบ้านที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยมี "บิ๊กลอร์ด สยม" เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ด้วยแนวคิดการผลิตละครที่เนื้อหาตรงใจผู้ชมและเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมพื้นบ้านโดยแท้จริง ทำให้ผลงานของค่ายสามเศียรได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องจากทั้งสถาบันวิจัยและหน่วยงานด้านศิลปวัฒนธรรม และกลายเป็นต้นแบบของละครพื้นบ้านที่ทุกค่ายต้องศึกษาและปรับใช้ในการผลิตผลงาน

เผยโฉมผลงานสร้างสรรค์ใหม่ "ลักษณวงศ์" ประชันความสมจริงเหนือระดับ

ล่าสุดค่ายสามเศียร โดย "บิ๊กลอร์ด สยม" ได้พาหน้าจอโลดแล่นด้วยละครเรื่อง "ลักษณวงศ์" ซึ่งได้นำนักแสดงดาวรุ่งคู่ขวัญอย่าง "กุ๊กกิ๊ก" และ "ต้น กฤชสร" มาประชันฝีมืออย่างเต็มที่ โดยมีการนำเอาวัฒนธรรมและประเพณีไทยแท้มาถักทอเป็นเรื่องราวที่สมจริง และตอบโจทย์ผู้ชมทุกเพศทุกวัย ด้วยภาพลักษณ์ของนักแสดงหน้าใหม่ที่มีความสวยงามและสามารถถ่ายทอดอารมณ์ตามบทได้อย่างน่าประทับใจ

ค่ายดัง ค้นหานางเอกผู้มีความสามารถมาปลุกปั้นให้โดดเด่น

ก่อนหน้านี้ ค่ายสามเศียรได้ประกาศรับสมัครนางเอกใหม่เพื่อมาสวมบทบาทนำในผลงานต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถค้นหาพระเอกและนางเอกใหม่ที่สามารถมอบความสดใหม่และน่าสนใจให้กับละครแบบพื้นบ้านนี้ได้อย่างดี ซึ่งจะเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการละครพื้นบ้านอีกครั้ง ทำให้แฟนๆ ต่างคาดเดาและลุ้นรอชมผลงานชิ้นใหม่ที่จะเกิดขึ้น

ผู้ชมแห่ลุ้นรับชมละครพื้นบ้าน หวังเผยโฉมนักแสดงใหม่สุดพิเศษ

เมื่อค่ายสามเศียรได้โพสต์ภาพของนักแสดงรุ่นจิ๋วที่จะมาร่วมแสดงในผลงานใหม่ ก็ยิ่งทำให้แฟนๆ ที่ชื่นชอบละครพื้นบ้านต่างแห่กันคาดเดาและลุ้นรอรับชมว่า จะมีการรีเมคละครเรื่องเก่ามาใหม่หรือไม่ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งการเปิดตัวพรีเมียมของค่ายละครพื้นบ้านชั้นนำที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
เหมือนหลุดเข้าวังจุฑาเทพ ขายบ้านหรู โลเกชั่นละครดัง เพียง 65 ล้านบาท

ตระการตาดุจวังจุฑาเทพ: บ้านสไตล์โคโลเนียลในดวงใจเทวพรหม ราคาเพียง 65 ล้านบาท

หากคุณเคยตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของวังจุฑาเทพในละครเรื่อง "ดวงใจเทวพรหม" แล้วล่ะก็ ตอนนี้คุณมีโอกาสได้เป็นเจ้าของบ้านที่มีห้องเหมือนในละครนี้เลย เพราะมีผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งกำลังขายบ้านสไตล์โคโลเนียลในพื้นที่กระทุ่มแบน สมุทรสาคร ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล

บ้านที่ช่างบรรจงสร้างดุจวังจุฑาเทพในละคร

บ้านหรูรอบกายเหมือนเดินอยู่ในละคร

บ้านหลังนี้เกิดจากความตั้งใจที่จะสร้างให้เหมือนบ้านในละครชื่อดังอย่าง "ดวงใจเทวพรหม" ซึ่งมีโลเกชั่นที่สวยงามและน่าอยู่อย่างยิ่ง ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแนวโคโลเนียล บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ครึ่ง พร้อมด้วยบ้านอีก 2 หลัง ซึ่งหลังที่เป็นตัวอาคารหลักมีพื้นที่ใช้สอยกว่า 1,000 ตร.ม. มี 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ พร้อมเฟอร์นิเจอร์และระบบแอร์ครบครัน ทั้งนี้ยังมีเรือนพักผ่อนแยกอีก 2 หลัง คือ เรือนแคลิฟอร์เนีย 2 ห้องนอน และเรือนแม่บ้าน/เรือนครัว 2 ห้องนอน พร้อมโรงจอดรถ 4 คัน สถานที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

ถูกใจละครแต่ไม่รู้ราคา

เมื่อมีการโพสต์ขายบ้านหลังดังกล่าวออกมา ก็ได้รับปฏิกิริยาจากผู้ใช้เฟซบุ๊กเป็นจำนวนมาก หลายคนแสดงความสนใจและชื่นชมในความสวยงามของบ้านที่ดูคล้ายกับบ้านในละคร แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยในราคาขาย ว่าจะขายในราคา 65 ล้านบาทนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะดูเหมือนราคาสูงเกินไป อย่างไรก็ตาม ผู้ขายระบุว่ามูลค่าของบ้านหลังนี้สมเหตุสมผลแล้ว เนื่องจากเป็นบ้านขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวาง และมีการออกแบบตกแต่งอย่างประณีต พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีฐานะดีและต้องการความเป็นส่วนตัว

เปิดโอกาสให้ใครก็ได้สร้างตำนานเช่นในละคร

ด้วยความสวยงามและความใกล้เคียงกับบ้านในซีรีส์ชื่อดัง ผู้ขายจึงมองว่านี่เป็นโอกาสสำคัญที่ใครก็ตามที่ชื่นชอบละครเรื่องนี้จะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของบ้านที่คล้ายกับในละคร ซึ่งเป็นเหมือนฝันที่หลายคนอยากจะมีเกิดขึ้น ด้วยราคาที่อาจดูสูงแต่ก็ยังถือว่าเหมาะสมกับสิ่งที่ได้รับ ดังนั้น บ้านหลังนี้จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีฐานะพร้อมและอยากเป็นเจ้าของบ้านสไตล์วังจุฑาเทพในชีวิตจริง
See More
หนังคนม้วน? พนง.โรงหนัง เผยเรื่องจริง ลุงไม่ได้ถูก ไบค์เกอร์ชกจนสลบ | BRIGHTTV.CO.TH
โรงหนังยังไงล่ะ? รีบชี้แจงตรงประเด็น หลังลุงโดนทำร้ายกอบกู้ความเป็นธรรม

โรงหนังยังไงล่ะ? รีบชี้แจงตรงประเด็น หลังลุงโดนทำร้ายกอบกู้ความเป็นธรรม

เมื่อเร็วๆ นี้ ชายวัย 60 ปี ถูกทำร้ายร่างกายภายในโรงหนังอย่างรุนแรง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเข้าไปตักเตือนกลุ่มวัยรุ่นเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างดูหนัง แต่กลับถูกชกและเตะจนกรามหัก สลบคาที่ ถูกบันทึกเป็นคดีแต่ยังไม่คืบหน้า เจ้าตัวจึงร้องขอความเป็นธรรมผ่านทางโซเชียล ล่าสุด ทางโรงหนังก็ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งมีความแตกต่างจากที่ลุงเคยเล่ามา

ชูหลักฐานแก้คดี กอบกู้ชื่อเสียงโรงหนัง

บุกไปตั้งกฎเรื่องโทรศัพท์ในโรงหนัง

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ลูกค้าชายรายนี้ซื้อตั๋วมารับชมภาพยนตร์ในโรงหนังที่ 2 เพียงลำพัง ขณะรอให้หนังเริ่ม เขาก็เดินไปตักเตือนกลุ่มลูกค้าที่นั่งอยู่ แถวหน้าเขา ด้วยเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือซึ่งส่องสว่างรบกวนการรับชมภาพยนตร์ของตนเจ้าของโรงหนังระบุว่า แท้จริงแล้วลักษณะของลูกค้ารายนี้ดูน่าจะอายุไม่ถึง 60 ปี เหตุการณ์ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นก่อนที่ภาพยนตร์จะเริ่มฉาย ไม่ใช่ระหว่างรับชมหนังตามที่ลูกค้าแจ้งไว้

ถูกกลุ่มวัยรุ่นตบหน้าจนกรามหัก

เมื่อภาพยนตร์จบลง กลุ่มวัยรุ่นที่ถูกลูกค้ารายนี้ตักเตือนก่อนหน้านั้น เริ่มเดินออกจากโรงหนัง ซึ่งลูกค้าดังกล่าวกลับยังคงต่อว่าพวกเขาอีก ทำให้กลุ่มวัยรุ่นบางคนเกิดความสงสัยและไม่พอใจ จึงเดินเข้าไปชกหน้าลูกค้ารายนี้อย่างแรง ก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอก ส่งผลให้ลูกค้ารายนี้ล้มลงกับพื้น แต่ตามที่เจ้าตัวเคยเล่ามา ก็ไม่ได้สลบไปจริง

พนักงานรีบพาไปแจ้งความทันที

หลังจากเกิดเหตุ พนักงานโรงหนังก็รีบพาลูกค้าที่ถูกทำร้ายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจพหลโยธิน แต่ฝ่ายที่ก่อเหตุกลับไม่อยู่รอ โดยบอกว่ารอไม่ไหวแล้ว ให้ลูกค้ารายนี้ไปติดต่อที่สถานีตำรวจเอง

ตำรวจเร่งเรียกมาไกล่เกลี่ย

ล่าสุด ทางสถานีตำรวจพหลโยธินได้ออกหมายเรียกให้ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในวันที่ 16 กันยายน 2567 ทั้งนี้ ทางโรงหนังระบุว่า พวกเขาไม่นิ่งนอนใจ และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความตระหนักและวินัยเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในโรงภาพยนตร์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับการรับชมภาพยนตร์อย่างมีความสุข ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคลและเข้าใจความหวงแหนของผู้อื่น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด การใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และคงต้องรอการไกล่เกลี่ยของทางการตำรวจในครั้งนี้
See More