ความบันเทิง

ซอจีฮเย เตรียมมาปรากฏตัวเป็นนักแสดงรับเชิญในซีรีส์ ‘Love Next Door’ ตัวละครสำคัญที่จะมาทำให้ความสัมพันธ์เพื่อนรักปั่นป่วนหัวใจ

ซอจีฮเย พังความสัมพันธ์ชเวซึงฮโย-แบซอกรยู ในซีรีส์ Love Next Door

นักแสดงสาว ซอจีฮเย กำลังจะมาปรากฏตัวในฐานะนักแสดงรับเชิญ ในซีรีส์ Love Next Door ที่กำลังออกอากาศอยู่ทางช่อง tvN ซึ่งการมาเยือนของตัวละครนี้คาดว่าจะมาเพิ่มสีสัน และมาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลักนั้นปั่นป่วน

การกลับมาของอดีตคนรัก จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อความสัมพันธ์หวานซึ้ง

การปรากฏตัวของจางแทฮี

ล่าสุดนี้ tvN ได้ปล่อยภาพพรีวิวตอนต่อไปของซีรีส์ Love Next Door ซึ่งเผยให้เห็นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของจางแทฮี (รับบทโดย ซอจีฮเย) อดีตคนรักของชเวซึงโฮ ที่ได้มาพบกับชเวซึงฮโย (รับบทโดย จองแฮอิน) และ แบซอกรยู (รับบทโดย จองโซมิน) ทำให้แฟน ๆ ของซีรีส์ตื่นเต้นและอยากทราบว่าเธอมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร และการกลับมาพบกันของตัวละครที่เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อนนี้จะนำมาซึ่งความวุ่นวายอะไรบ้าง

บทบาทสำคัญของซอจีฮเย

ทีมผู้ผลิตซีรีส์ Love Next Door ได้เผยถึงการมาเป็นนักแสดงรับเชิญของซอจีฮเย ว่า "ซอจีฮเย จะมารับบทบาทสำคัญในการดำเนินเรื่องมากกว่าแค่การมาเป็นนักแสดงรับเชิญ โปรดติดตามว่า จางแทฮี อดีตคนรักของชเวซึงฮโย จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ ๆ ในความสัมพันธ์ระหว่าง ชเวซึงฮโย และ แบซอกรยู" ซึ่งการที่ซอจีฮเยมารับบทเป็นจางแทฮี นั้นเป็นการเพิ่มความฮือฮาให้กับซีรีส์ Love Next Door อย่างแน่นอน เนื่องจากเธอเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง และมีลุคที่ดึงดูดสายตา ดังนั้น การปรากฏตัวของเธอจึงน่าจะสร้างความต่ื นเต้นและความคาดหวังให้กับแฟนๆ ของซีรีส์เป็นอย่างมาก

ความสัมพันธ์อดีตจะพังพินาศหรือไม่?

การที่จางแทฮี อดีตคนรักของชเวซึงฮโย มาปรากฏตัวอย่างกะทันหันในซีรีส์ Love Next Door นั้น ย่อมส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างชเวซึงฮโย และ แบซอกรยู ที่กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ด้วยการปรากฏตัวของคู่อดีตที่เคยมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ย่อมจะสร้างความกังวลและความสับสนให้กับแบซอกรยูเป็นอย่างมาก เพราะเธออาจจะกลัวว่าเธอจะเสียชเวซึงฮโยให้กับอดีตคนรักของเขา ดังนั้น เรื่องราวความสัมพันธ์ที่กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นระหว่างชเวซึงฮโย และ แบซอกรยู จะถูกพังพินาศหรือไม่ก็ต้องรอติดตามชมจากการมาปรากฏตัวของจางแทฮีต่อไปซีรีส์ Love Next Door ออกอากาศทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ ทางช่อง tvN และสามารถรับชมซับไทยถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Netflix

สถาปัตย์มรณะ: บ้านที่ซ่อนปริศนาและความลับแห่งการฆาตกรรม

บ้านหลังหนึ่งซึ่งดูเหมือนอาคารธรรมดา กลับซ่อนไว้ซึ่งแปลนที่แปลกประหลาด ด้วยพื้นที่ว่างที่เหมือนถูกจงใจปล่อยไว้ และห้องที่ไร้หน้าต่างและประตูสองชั้น ราวกับมีความลับอันมืดมนอยู่ภายใน เมื่ออาเมมิยะ ครีเอเตอร์หนุ่มขึ้นปริศนาหลังนี้ พร้อมกับสถาปนิกหนุ่มใหญ่ อย่าง ฟุมิโนะ คุริฮาระ ที่หลงใหลในนิยายสืบสวน เขาก็ค้นพบว่าบ้านหลังนี้อาจเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมในป่าใกล้บ้าน และความลับที่ซ่อนเร้นอีกหลายประการ

ขุดคุ้ยปริศนา เผยความลับที่มืดมน

การวิเคราะห์ที่ท้าทาย และความพยายามค้นหาคำตอบ

อาเมมิยะ ครีเอเตอร์หนุ่มที่ทำคลิปวิดีโอเรื่องลี้ลับ กำลังประสบปัญหาทางไอเดีย จนกระทั่งเขาได้รับแปลนบ้านจาก ยานะโอกะ ผู้จัดการฝ่ายคอนเทนต์ที่ต้องการซื้อบ้านหลังนี้ อาเมมิยะสังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดของแปลนบ้านดังกล่าว จึงปรึกษากับ ฟุมิโนะ คุริฮาระ สถาปนิกหนุ่มใหญ่ที่ชื่นชอบนิยายสืบสวน ทั้งคู่ค้นพบว่าบ้านหลังดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมในป่าใกล้บ้าน และเหตุการณ์ยิ่งทวีความซับซ้อนเมื่อพวกเขาได้รู้จักกับ ยูซูกิ หญิงสาวที่กล่าวอ้างว่าตนรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับบ้านหลังนี้และมันอาจเกี่ยวพันกับการหายตัวไปของพี่สาว

การดัดแปลงจากนิยาย สู่การสร้างมิติใหม่ของตัวละคร

แม้ว่าเรื่องราวในหนังจะไม่ได้ตรงตามหนังสือแบบถอดมาเปะ ๆ แต่ผู้เขียนบทและผู้กำกับหนังก็ได้เลือกที่จะนำแรงบันดาลใจจากความสงสัยในแปลนบ้านอันแปลกประหลาด มาผูกโยงเรื่องราวและสร้างตัวละครขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวสุดลี้ลับ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว จุดเด่นของหนังอยู่ที่การเลือกเล่าในจุดที่จำเป็นกับหนังจริง ๆ และการสร้างมิติให้ตัวละครที่น่าสนใจ เช่น ฟุมิโนะ คุริฮาระ ที่มีบุคลิกโดดเด่นมาก เป็นชายร่างท้วมที่เดาท่าทีได้ยากยิ่ง

ความขาดตกบกพร่องที่ตามมา

แม้ว่าบทหนังจะเลือกเจือปนความสยองขวัญและปมระทึกขวัญเข้ามา ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ดีในแง่ของความน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ก็ต้องบอกว่าน่าเสียดายพอสมควรที่ไอเดียหลักอย่างการวิเคราะห์แปลนบ้านที่โดดเด่นและชวนคิดจากฉบับนิยายกลับถูกเอามาอธิบายแบบผิวเผินไปหน่อย มิหนำซ้ำในตอนท้าย ๆ เมื่อมันเฉลยปมทั้งหมดก็กลับโป๊ะแตกอีกว่าหนังแถในบางประเด็น ซึ่งนับเป็นช่องโหว่หนึ่งของบทหนังที่น่าเสียดาย

สรุป: ความตื่นเต้นทางจินตนาการที่ได้รับ

โดยรวมแล้ว 'สถาปัตย์มรณะ' ถือเป็นหนังดูสนุกอีกเรื่องหนึ่ง ด้วยเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าวางปมได้อย่างน่าสนใจ เป็นหนังสืบสวนที่เลี้ยงบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจได้ดี และมีฉากสยองขวัญให้คอหนังระทึกได้อกสั่นขวัญแขวน แม้ว่าความโดดเด่นในส่วนของการวิเคราะห์แปลนบ้านจะไม่เด่นชัดเท่ากับฉบับนิยาย แต่หนังก็สร้างมิติให้ตัวละครโดดเด่นอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทบาทของ ฟุมิโนะ คุริฮาระ ที่ทำเอาหนังสนุกขึ้นมากอีก 300%

แวะเยือนสวรรค์แห่งหนาม กับการเดินทางสุดพิเศษในเรื่องราวอันน่าติดตามของ "วิมานหนาม"

สนุกกับการตะลุยเข้าเยี่ยมชมสวนทุเรียนสวยงามที่เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์สุดฮิตอย่าง "วิมานหนาม" และเก็บภาพความประทับใจได้ฟรีที่ไร่ตาเพ่ง จ.ตราด วันนี้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.

สัมผัสความเข้มข้นของความรักและความขัดแย้งในมิติใหม่ของวงการภาพยนตร์ไทย

ผจญภัยเข้าสู่ "วิมานหนาม" ที่ไร่ตาเพ่ง สวรรค์แห่งสวนทุเรียนระดับตำนาน

ไร่ตาเพ่ง สวนทุเรียนขนาด 400 ไร่ ในอำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด เป็นสถานที่สำคัญในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "วิมานหนาม" ซึ่งมีฉากสวนทุเรียนที่เปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางของเรื่องราว สถานที่ที่เหล่าตัวละครแย่งชิงกันอย่างดุเดือด ด้วยความที่เป็นสมบัติล้ำค่าที่มีมูลค่าไม่น้อย ทางทีมงานจึงได้ทำการเนรมิตบ้านและสวนทุเรียนนี้ขึ้นมาใหม่ให้เหมาะสมกับการถ่ายทำ แปลงสภาพจากเนินดินธรรมดาให้กลายเป็นสถานที่อันงดงามสมกับการเป็นฉากของ "วิมานหนาม" ผลงานชิ้นล่าสุดจาก GDH ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในขณะนี้

ตะลุยบรรยากาศของ "วิมานหนาม" กับการเยี่ยมชมและถ่ายภาพฟรีที่ไร่ตาเพ่ง

ภายหลังจากที่การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นลง ทาง GDH ได้มอบบ้านหลังดังกล่าวให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในสวนทุเรียนไร่ตาเพ่ง โดยปัจจุบันสามารถเข้าเยี่ยมชมและถ่ายภาพได้ฟรี ในช่วงเวลา 8.00-17.00 น. ทุกวัน นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับแฟนหนังที่ต้องการสัมผัสกับบรรยากาศและฉากสำคัญในเรื่อง "วิมานหนาม" อย่างใกล้ชิด และเก็บภาพความประทับใจได้ในวันนี้

เปิดมิติใหม่ของความรักและความขัดแย้ง ในภาพยนตร์ "วิมานหนาม" ที่ทุกคนต่างรอคอย

ผลงานพิเศษจาก GDH และ JAI STUDIOS ที่นำเสนอเรื่องราวของความรักและการแย่งชิงที่เข้มข้น ผ่านมิติใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยใช้สวนทุเรียนที่มีคุณค่าทางวัตถุเป็นตัวกลางดึงดูดให้เหล่าตัวละครต้องแย่งชิงกันอย่างดุเดือด ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมและความอิจฉาริษยาในสังคมอีกด้วย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้เรื่องราวมีมิติที่น่าติดตามไม่แพ้เนื้อเรื่องที่มีความเข้มข้นยิ่งขึ้น แฟนหนังไม่ควรพลาดโอกาสนี้ที่จะได้สัมผัสกับความพิเศษของ "วิมานหนาม" ในทุกมิติ