สัตว์เลี้ยง
เตือนคนรักสุนัขหากไปเที่ยว “เวียดนาม” อย่าใช้บริการ ถ่ายภาพกับสุนัข
หยุดทรมานสัตว์เลี้ยง! ความผูกพันระหว่างคนและสัตว์เลี้ยงก็มากกว่าแค่ธุรกิจสำหรับหลายคน สัตว์เลี้ยงบ้านเป็นสมาชิกในครอบครัว ทั้งความผูกพันและความรักที่มีมากกว่าความเป็นเจ้าของเพียงแค่สัตว์เลี้ยง แต่มีกลุ่มคนบางส่วนกลับใช้สัตว์เลี้ยงเป็นเครื่องมือหากิน ด้วยการทรมานและท่าทีรุนแรงเพื่อให้สัตว์เลี้ยงเชื่อฟัง ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องและเป็นการละเมิดสิทธิของสัตว์เลี้ยง

อย่าสนับสนุนการทรมานสัตว์เลี้ยงเพื่อการถ่ายรูป!

ปัญหาการทำร้ายสุนัขในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพที่ดาลัด เวียดนาม

จากรายงานของ World Forum ข่าวสารต่างประเทศ ได้เปิดเผยถึงปัญหาอุตสาหกรรมการถ่ายภาพที่ใช้สุนัขเป็นกิจกรรมบริการในเมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม โดยมีข้อมูลว่า เจ้าของธุรกิจบริการนี้มักใช้ความรุนแรงต่อสุนัข ไม่ว่าจะเป็นการฝึกหรือขณะให้บริการถ่ายภาพ หากสุนัขไม่เชื่อฟัง ก็จะถูกทำทารุณทันที ด้วยข้อมูลจากกลุ่มผู้รักสัตว์ในดาลัด มีรายงานมากกว่า 100 คดีเกี่ยวกับการทารุณสัตว์ในสถานที่ท่องเที่ยวเมืองดาลัด แสดงให้เห็นถึงปัญหาอันร้ายแรงนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่รักสัตว์ควรตระหนัก และงดเว้นการใช้บริการเหล่านี้เพื่อไม่สนับสนุนการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

ธุรกิจการถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงในดาลัด: การแสวงหาผลกำไรจากสัตว์เลี้ยง

จากข้อมูล เจ้าของธุรกิจบริการการถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงในเมืองดาลัด มีจำนวนมากกว่า 10 ราย พร้อมกับมีสัตว์เลี้ยงหลากหลายประเภทมากกว่า 30 ตัว อาทิ อลาสก้า ฮัสกี้ พุดเดิ้ล และซามอยด์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจ่ายค่าบริการถ่ายภาพตั้งแต่ 30,000 ถึง 50,000 VND ต่อครั้งจะเห็นได้ว่าการใช้สัตว์เลี้ยงเป็นเครื่องมือสร้างรายได้ถือเป็นการแสวงหาผลกำไรจากสัตว์เลี้ยง โดยไม่คำนึงถึงความเป็นอยู่และสวัสดิภาพของสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและอาจนำไปสู่การทารุณกรรมสัตว์เลี้ยง

การรณรงค์เพื่อยุติการทรมานสัตว์เลี้ยงในอุตสาหกรรมการถ่ายภาพ

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น องค์กรที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของสัตว์เลี้ยง เช่น World Forum ข่าวสารต่างประเทศ ได้เผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้างความตระหนักต่อปัญหานี้ โดยแนะนำให้คนรักสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ งดเว้นการใช้บริการถ่ายรูปกับสัตว์เลี้ยงในเมืองดาลัด เพื่อไม่สนับสนุนการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องดังกล่าวการรณรงค์เช่นนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจการถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงตระหนักถึงความสำคัญของสวัสดิภาพสัตว์เลี้ยง และเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ตลอดจนสร้างความตระหนักให้กับนักท่องเที่ยวในการเลือกใช้บริการที่ไม่ละเมิดสิทธิของสัตว์เลี้ยง
ผลงาน AAI ไตรมาส 2/67 สุดปัง อัตรากำไรขั้นต้นทุบสถิติใหม่ที่ 25.7% หนุนผลงานครึ่งปีแจ่ม ปรับเป้าอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่ม รับอุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงโตไม่หยุด

บริษัทผู้นำด้านอาหารสัตว์เลี้ยง AAI โชว์ผลงานปัง รายได้โต 43.5% กำไร 300 ล้านบาท

บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ของไทย เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2567 และงวดครึ่งปีแรก 2567 ที่ทำได้อย่างโดดเด่น โดยมีรายได้เติบโตแข็งแกร่งถึง 43.5% และมีกำไรสุทธิพุ่งขึ้นกว่า 1,000% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

บริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารพร้อมทานชั้นนำ ทำผลงานโดดเด่นท่ามกลางความท้าทายตลาด

ผลงานไตรมาส 2 โดดเด่น รายได้โต 43.5% กำไรพุ่ง 1,041.9%

บริษัทฯ มีรายได้ 1,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 300 ล้านบาท พุ่งสูงถึง 1,041.9% ซึ่งเป็นผลจากแรงหนุนจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 25.7% รวมถึงแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่ลดลง และรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น

ผลงานครึ่งปีแรกโดดเด่น รายได้โต 23.9% กำไรโต 449.7%

สำหรับผลงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีรายได้ 3,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิพุ่งสูงถึง 542 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 449.7% โดยได้ประโยชน์จากปริมาณขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นทำได้ 23.4% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 16.9%

ปรับเป้ารายได้ปี 2567 เพิ่มขึ้น แต่ปรับลดสัดส่วนรายได้อาหารพร้อมทานฯ

บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้ปี 2567 ที่ 6,500 ล้านบาท แต่ปรับเพิ่มสัดส่วนรายได้อาหารสัตว์เลี้ยงเป็น 5,700 ล้านบาท ขณะที่ลดสัดส่วนรายได้อาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกเหลือ 800 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่ายอดขายและอัตรากำไรในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงจะเติบโตได้ดีกว่า ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มเป้าหมายเป็น 20-21% จากเดิมเป้าที่ 17-18%

แผนขยายกำลังการผลิตรองรับอุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง

บริษัทฯ มีแผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งกลุ่มบรรจุกระป๋องเพิ่ม 1,800 ล้านตัน/ปี และกลุ่มบรรจุถุงเพาซ์เพิ่มอีก 2,400 ตัน/ปี คาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในไตรมาส 1/2568 ซึ่งจะช่วยรองรับความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง
See More
หลัง ‘ชีค ฮาซีนา’ ลี้ภัยข้าวของถูกขโมย สัตว์เลี้ยงแสนรักโดนจับไป

ชีค ฮาซีนา: จากสุภาพสตรีผู้ยิ่งใหญ่สู่ความยุ่งเหยิงในพลิกผัน

ชีค ฮาซีนา นายกรัฐมนตรีแห่งบังกลาเทศ คือหญิงเหล็กที่ประสบผลสำเร็จอย่างมากในอาชีพการเมือง อย่างไรก็ตาม การเป็นหัวหน้ารัฐบาลมานานหลายวาระ และการมีผู้คนสนับสนุนอย่างมากมาย กลับน้ำเป็นมัน ยั่วยุให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรง จนเธอต้องยอมลาออกจากตำแหน่งและหลบหนีออกจากประเทศ เหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจนี้ไม่เพียงส่งผลต่อชีวิตส่วนตัวของเธอเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ความรุนแรงที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ของบังกลาเทศ

ทำไมนายกรัฐมนตรีหญิงผู้แกร่งแห่งบังกลาเทศต้องเผชิญกับพลิกผัน

ภูมิหลังอันเป็นที่มาของความยิ่งใหญ่

ชีค ฮาซีนา เป็นทั้งทายาทสายเลือดและทายาททางการเมืองของมูจิบู เราะห์มาน บิดาผู้ก่อตั้งประเทศบังกลาเทศ ทำให้เธอมีประวัติศาสตร์และความเป็นผู้นำที่ยาวนาน ตั้งแต่แรกเริ่มก่อน จนมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของบังกลาเทศ เธอดำรงตำแหน่งมากว่า 20 ปี ทั้งในวาระแรกตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2001 และในวาระที่สองตั้งแต่ปี 2009 จนถึง 2018

การทำลายคฤหาสน์และขโมยทรัพย์สินอันน่าเสียดาย

เมื่อชีค ฮาซีนาถูกประท้วงจนต้องลาออกจากตำแหน่ง เหตุการณ์ที่ตามมาก็คือการบุกเข้าไปในบ้านพักของเธอที่เมืองธากา ผู้ประท้วงเข้าไปในบ้านหลังเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง กระทำการทำลายลูกือและขโมยทรัพย์สินต่างๆ ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม รวมทั้งสัตว์เลี้ยงที่เธอรัก เช่น ไก่ กระต่าย ปลา แพะ แมว และสุนัขสายพันธุ์เยอรมัน เชฟเฟิร์ด เหตุการณ์ย่อยๆ เหล่านี้ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความน่าเสียดาย แต่ยังดูเหมือนจะเป็นการแทนตำแหน่งและอำนาจอย่างตรงไปตรงมา

องค์กรพิทักษ์สัตว์เข้าร่วมช่วยเหลือ

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว องค์กรพิทักษ์สัตว์ Obhoyaronno ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าแมวของชีค ฮาซีนาถูกขายในราคา 40,000 รูปี แต่ทางองค์กรได้ช่วยเหลือกลับมาได้ บางส่วน อีกทั้งยังช่วยเหลือสุนัขพันธุ์เยอรมัน เชฟเฟิร์ดด้วย ส่วนสัตว์อื่นๆ เช่น สุนัขพันธุ์โกลเดน รีทรีฟเวอร์ ก็ยังสูญหายไม่แน่ใจว่ากำลังอยู่ในสภาพใด

การหลบหนีสู่ความปลอดภัย

ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ชีค ฮาซีนาเองก็ต้องหลบหนีออกจากประเทศ โดยเดินทางไปยังกรุงนิวเดลลี ประเทศอินเดีย ควบคู่กับการพิจารณาทางเลือกอื่นๆ เช่น การไปฟินแลนด์หรืออังกฤษ อันเป็นความพยายามเพื่อหาที่พึ่งและรับมือกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าผู้นำผู้ยิ่งใหญ่แห่งบังกลาเทศจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้
See More