สัตว์เลี้ยง
บริษัทในออสเตรเลียให้พา ‘น้องหมา’ มาทำงานด้วย ช่วยลดความเครียดพนักงาน
การเปลี่ยนสำนักงานให้เป็น "พื้นที่ที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง" ทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น

สุนัขที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างสุขภาพจิตที่ดีให้กับพนักงานออฟฟิศ

ในปัจจุบัน แนวคิดของการพาสัตว์เลี้ยงมาทำงานร่วมกับพนักงานในออฟฟิศเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะในออสเตรเลีย ซึ่งได้มีบริษัทต่างๆ นำแนวคิดนี้มาใช้อย่างแพร่หลาย ผลที่ตามมาคือ พนักงานที่ได้ทำงานร่วมกับสัตว์เลี้ยงมีความสุขในการทำงานมากขึ้น ความเครียดลดลง และประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มสูงขึ้น

สุนัขในออฟฟิศ ทำให้พนักงานมีสมาธิมากขึ้น ลดความกังวลและเพิ่มผลผลิต

ออฟฟิศเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ดึงดูดและรักษาพนักงานไว้ได้ดี

การศึกษาวิจัยของ Human Animal Bond ในปี 2018 พบว่า บริษัทที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มที่จะดึงดูด จูงใจ และรักษาพนักงานไว้ได้มากกว่าบริษัทอื่นๆ นอกจากนี้ รายงานของ PetSure ในปี 2024 ยังระบุว่า การมีสัตว์เลี้ยงในสำนักงานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มการทำงานร่วมกัน และลดความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งสอดคล้องกับประสบการณ์ของ RACT ในออสเตรเลีย ที่ได้เปิดโครงการ "Furry Friday" ขึ้นมา

ประโยชน์ที่พนักงานได้รับจากการทำงานร่วมกับสุนัข

พนักงาน RACT จำนวนมากรายงานว่า พวกเขาได้รับประโยชน์มากมายจากการมีสุนัขอยู่ในสำนักงาน โดยแอนนิต้า วิลเลียมส์ บอกว่า การที่เธอพา "เบิร์ต" สุนัขตัวน้อยของเธอเข้ามาที่ออฟฟิศด้วยนั้น ช่วยลดความเครียดลงได้อย่างแน่นอน และทำให้ทุกคนมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น ในขณะที่มอร์แกน ลอว์เลอร์ กล่าววา่ การมีเพื่อนที่ดีที่สุดอย่าง สเตลล่า สุนัขสายพันธุ์ลาบราดอร์อยู่เคียงข้างเขาในที่ทำงาน ทำให้เกิดบรรยากาศที่ "เงียบสงบ" สำหรับ คริสตี้ สโตน ยังมองว่า การที่เธอมีสุนัขพันธุ์เคลปี้ชื่อโกโก้อยู่ด้วยในออฟฟิศ ช่วยให้เธอสามารถสร้างความสัมพันธ์ภายในธุรกิจได้ดีขึ้น ทำให้หลายคนเข้ามาทักทายและพูดคุยเรื่องต่างๆ กับเธอมากขึ้น

การบริหารจัดการให้สำนักงานเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง

ในการนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในสำนักงาน RACT ได้มีการกำหนดมาตรการที่ชัดเจน เช่น มีการจัดทำ "บัญชีรายชื่อสุนัข" เพื่อบริหารจัดการจำนวนสุนัขที่จะเข้ามาในออฟฟิศในแต่ละวัน และมีการขยายโครงการจาก 1 วันเป็น 5 วัน เพื่อให้พนักงานทุกคนได้มีโอกาสเข้าร่วม นอกจากนี้ ยังต้องมีการพูดคุยกับพนักงานทุกคน และตรวจสอบความเหมาะสม ก่อนอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามา เช่น ตรวจสอบการแพ้ขนหรือการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ข้อควรพิจารณาในการเลือกสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมสำหรับออฟฟิศ

นอกจากการจัดการภายในให้เป็นระบบแล้ว ยังต้องพิจารณาเรื่องชนิดของสัตว์เลี้ยงที่จะนำมาทำงานในออฟฟิศด้วย ซึ่งทางผู้บริหาร CANA ระบุว่า สุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมที่สุด ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของแต่ละที่ ทั้งนี้ไม่ควรนำ "Exotic pet" เช่น งู แมงมุม หรือกระต่าย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงและเป็นที่รังเกียจ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการนำสุนัขและแมวมารวมกันในห้องเดียวกัน เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น

การสร้างสมดุลระหว่างความต้องการของพนักงานและการดูแลสวัสดิภาพของสัตว์เลี้ยง

การนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในสำนักงานต้องอาศัยความระมัดระวังและการสื่อสารที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความยุติธรรมทั้งต่อพนักงานและสัตว์เลี้ยง ซึ่งบริษัทต่างๆ จำเป็นต้องมีมาตรการรองรับ เช่น จัดเตรียมพื้นที่ภายในที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยง ตลอดจนการฝึกฝนให้สัตว์เลี้ยงมีพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อการอยู่ร่วมกับมนุษย์ในบริบทของสำนักงาน
Happy Pets by Jabs เอาใจทาสน้องหมาน้องแมว

ชี้ช่องโอกาสใหม่สำหรับทาสสัตว์เลี้ยงด้วย "Happy Pets by Jabs"

ในยุคสมัยที่ผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงให้ความสำคัญกับความสวยงามและสุขภาพที่ดีของน้องหมา น้องแมว อย่างมาก แบรนด์ "Jabs" จึงเล็งเห็นโอกาสในการตอบสนองความต้องการเหล่านี้ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลความสะอาดของสัตว์เลี้ยงชื่อ "Happy Pets by Jabs"

ดูแลทาสน้องหมา น้องแมวให้สะอาด สวย และผ่อนคลาย เพียงสัมผัสเดียว

ผ้าเช็ดทำความสะอาด "Happy Pets Cleansing Wips By Jabs" สูตรอ่อนโยน ใช้ได้บ่อยครั้ง

ผ้าเช็ดทำความสะอาดแบรนด์ "Happy Pets Cleansing Wips By Jabs" นั้นมีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยสูตรอ่อนโยนผลิตจากเส้นใยธรรมชาติแท้ที่นุ่มหนานิ่ม สามารถใช้ทำความสะอาดใบหน้า หู ปาก เท้า และลำตัวของสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างแนบเนียน ผู้เลี้ยงสามารถใช้ผ้าเช็ดชิ้นนี้ได้บ่อยครั้งตามความต้องการ โดยปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม เพื่อรักษาสมดุลผิวและความปลอดภัยสูงสุดของสัตว์เลี้ยงที่รักยิ่ง

ผ้าเช็ดดูแลบริเวณดวงตา "Happy Pets Eyes Cleansing Pad By Jabs" อ่อนโยนและดูแลอย่างลึกซึ้ง

นอกจากนี้ แบรนด์ "Jabs" ยังได้คิดค้นผ้าเช็ดทำความสะอาดบริเวณดวงตาของสัตว์เลี้ยง ด้วยชื่อผลิตภัณฑ์ "Happy Pets Eyes Cleansing Pad By Jabs" ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับการดูแลและทำความสะอาดรอบดวงตาของน้องหมา น้องแมว โดยใช้สูตรอ่อนโยนและปราศจากส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ช่วยลดคราบน้ำตาและตอบสนองความต้องการพิเศษของผิวรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี

ส่วนผสมทรงคุณค่าที่ดูแลอย่างลึกซึ้ง

ทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้ มีส่วนประกอบของว่านหางจระเข้และดอกคาโมมายล์ที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นหลังการทำความสะอาด และป้องกันการระคายเคืองผิว นอกจากนี้ ยังมีค่า pH balance ที่เหมาะสมสำหรับการใช้บนผิวของสัตว์เลี้ยง เพื่อรักษาสมดุลของผิวอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะช่วยให้ขนของสัตว์เลี้ยงคงความนุ่มสลวยและสวยงามอย่างที่สุด

ช่องทางการซื้อที่สะดวกและราคาพิเศษ

ผู้เลี้ยงสัตว์สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ "Happy Pets by Jabs" ได้ในโปรโมชั่นพิเศษ "ซื้อ 1 แถม 1" ที่จะมีจำหน่ายตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2567 ที่ร้าน Pet Us ทุกสาขา และสามารถหาซื้อในราคาพิเศษผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น Jabs Beauty, Tiktok, Lazada, Shopee และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป นอกจากนี้ ผู้สนใจยังสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Jabs Beauty หรือ Line: @Jabsthofficial
See More
ฮือฮา ฟาร์มไทยเพาะเลี้ยงหนูสฟิงซ์ 2 สีพันธุ์ใหม่ของโลกได้ หวังพัฒนาให้ได้ 7 สี
หนูสฟิงซ์พันธุ์ทวี: การเพาะพันธุ์สัตว์แปลกแห่งอนาคตในโลกแห่งการเพาะพันธุ์สัตว์แปลก มีการค้นพบและพัฒนาสายพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโต ล่าสุด ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์แปลกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ก้าวสู่ความสำเร็จอย่างงดงามด้วยการเพาะเลี้ยงหนูสฟิงซ์สายพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ และเป็นเจ้าแรกของโลก

เปิดตลาดใหม่ด้วยพันธุ์พิเศษที่ไร้ขนและ "น่าเกลียด"

สฟิงซ์ 2 สี: หนูแปลกที่ขาด "ความสวยงาม"

ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์แปลกในเชียงใหม่แห่งหนึ่ง ได้สร้างความฮือฮาเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยการเพาะเลี้ยงหนูสฟิงซ์ที่มีลักษณะผิวหนังย่นเหี่ยวย่นไร้ขนเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งสามารถขายในราคาหลักหมื่นต่อตัว ได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์แปลกเป็นอย่างมากปีนี้ ฟาร์มแห่งนี้ก้าวไกลขึ้นอีก ด้วยการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ของหนูสฟิงซ์ที่มีความแตกต่างจากพันธุ์เดิม โดยเพาะเลี้ยงให้ได้หนูสฟิงซ์สีสองสี ที่มีลักษณะเหี่ยวย่นและไร้ขนเช่นเดียวกัน แต่มีสีของหู และหางที่แตกต่างจากลำตัว ซึ่งจะขายในราคา 1,000-1,500 บาท ต่อตัวการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่นี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดตลาดใหม่และทำให้ราคาสูงขึ้น เจ้าของฟาร์มเผยว่า ต่อไปในอนาคตจะพัฒนาให้ได้หนูสฟิงซ์ 7 สี เป็น "สฟิงซ์แฟนซี" เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่ชื่นชอบสัตว์เลี้ยงที่มีลักษณะน่าสะสมและเป็นเอกลักษณ์

พลิกโฉมตลาดสัตว์แปลก ด้วยการประกวดหนูหน้าน่ากลัว

ความสำเร็จและความน่าสนใจในการเพาะเลี้ยงหนูสฟิงซ์สายพันธุ์ใหม่ของฟาร์มแห่งนี้ ยังถูกขยายความออกไปอีก เมื่อลูกสาวของเจ้าของร้านได้นำเจ้าหนูสฟิงซ์ไปประกวดในงานประกวดสัตว์เลี้ยงหน้าตาน่าเกลียดที่กรุงเทพฯ และคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้การประกวดในงานนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความโดดเด่นให้กับสัตว์แปลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดตลาดใหม่ให้กับธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์เช่นนี้อีกด้วย โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงสัตว์ที่มีรูปลักษณ์น่าสะสม แม้ว่าอาจจะ "น่ากลัว" ในสายตาคนทั่วไป

การขับเคลื่อนตลาดสัตว์แปลก ไปสู่การส่งออก

ความสำเร็จของฟาร์มแห่งนี้ในการเพาะเลี้ยงหนูสฟิงซ์สายพันธุ์ใหม่ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสของตลาดสัตว์แปลกในประเทศไทย ซึ่งกำลังเติบโตและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้นอย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะการส่งออกสัตว์แปลกไปยังต่างประเทศ ซึ่งถูกจำกัดด้วยข้อกฎหมาย ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อผลักดันให้สามารถส่งออกสัตว์แปลกได้ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดเติบโตและเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
See More