สุขภาพดี
จีนเล็งยกระดับบทบาท “การแพทย์แผนจีน” ในบริการดูแลสุขภาพ : อินโฟเควสท์

จีนเร่งส่งเสริมการแพทย์แผนจีนในแผนริเริ่มสุขภาพดี

จีนมุ่งเน้นการเสริมบทบาทของการแพทย์แผนจีนในการขับเคลื่อนแผนริเริ่มสุขภาพดี โดยมีเป้าหมายในการดูแลสุขภาพของประชาชนในทุกด้านและตลอดทั้งชีวิต ผ่านการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการแพทย์แผนจีน และการสนับสนุนการผสมผสานระหว่างการแพทย์แผนจีนและการแพทย์ตะวันตก

ก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจด้านการแพทย์แผนจีนระดับโลก

ความมุ่งมั่นในการพัฒนาการแพทย์แผนจีน

จีนมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งเสริมการแพทย์แผนจีนอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการยกระดับการให้บริการและการดูแลสุขภาพของประชาชนด้วยการแพทย์แผนจีน ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงกลไกการให้บริการ การพัฒนาบุคลากร และการประเมินงานวิจัย นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการอนุรักษ์และการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์แผนจีน เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การขยายบทบาทสู่ระดับสากล

จีนมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการแพทย์แผนจีนให้เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยมีการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการแพทย์แผนจีนกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการแพทย์แผนจีนกับรัฐบาลต่างประเทศ หน่วยงานระดับภูมิภาค และองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้การแพทย์แผนจีนได้รับการยอมรับและแพร่หลายมากขึ้นในระดับสากล

การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์แผนจีน

จีนมีการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์แผนจีนอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีคลินิกแพทย์แผนจีนกว่า 41,700 แห่ง และสถาบันการแพทย์ในระดับชุมชนและตำบลกว่า 99% สามารถให้บริการด้านการแพทย์แผนจีนได้ นอกจากนี้ ยังมีสถาบันการแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนกว่า 93,000 แห่ง ซึ่งมีผู้เข้ารับการรักษารวมกว่า 1.54 พันล้านครั้งในปี 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมและความต้องการของประชาชนในการใช้บริการด้านการแพทย์แผนจีน

การสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของการแพทย์แผนจีน

จีนให้ความสำคัญกับการสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของการแพทย์แผนจีน โดยมีการศึกษาและสำรวจคุณค่าทางวัฒนธรรมของการแพทย์แผนจีน รวมถึงการเสริมสร้างการคุ้มครองและการใช้ประโยชน์จากมรดกทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้การแพทย์แผนจีนสามารถดำรงอยู่และพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืน
‘ป่วย’ คือ จุดเปลี่ยน.! ‘วิวรรธน์ วงศ์ตาขี่’ สุขภาพดี ด้วยการออกกำลังกาย เชิญชวนร่วมกิจกรรม ‘เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต#10 เฉลิมพระเกียรติฯ’ 2 พ.ย.นี้

ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน: เส้นทางสู่สุขภาพและความมั่นใจที่ดีกว่า

นายวิวรรธน์ วงศ์ตาขี่ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลวังยาง จังหวัดนครพนม แบ่งปันประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการเผชิญวิกฤตสุขภาพ และเชิญชวนทุกคนให้เริ่มต้นการดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ เพื่อสร้างชีวิตที่สมบูรณ์แข็งแรงและมั่นใจในตัวเอง

ก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

การลงทุนกับตัวเอง: จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

นายวิวรรธน์เน้นย้ำว่า การลงทุนกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เขาเชื่อว่าทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ หากเริ่มต้นจากวันนี้ ไม่ควรรอให้เกิดปัญหาสุขภาพก่อน แต่ควรเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ ด้วยการเลือกกิจกรรมที่ตัวเองชอบ เช่น การวิ่ง การว่ายน้ำ หรือการปั่นจักรยาน และทำอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 21 วัน เพื่อให้เกิดเป็นพฤติกรรมใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ

จุดเปลี่ยนสำคัญ: เผชิญวิกฤตสุขภาพ แล้วก้าวข้ามไปสู่การดูแลตัวเอง

นายวิวรรธน์เปิดเผยว่า เขาเคยผ่านวิกฤตสุขภาพมาแล้วสองครั้งใหญ่ ครั้งแรกเป็นเรื่องของการแพ้อย่างรุนแรงขณะขับรถ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น และอีกครั้งคือเมื่อเขามีอาการเจ็บหน้าอกและพบว่ามีเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจัง โดยการลดน้ำหนักจาก 92 กิโลกรัมเหลือ 72-74 กิโลกรัม และเริ่มออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ประโยชน์ที่ได้รับจากการออกกำลังกาย

นายวิวรรธน์กล่าวว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ทำให้สุขภาพดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เขารู้สึกสดชื่น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น และสามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้ ยังทำให้เขารู้สึกไม่เหนื่อยง่ายในการทำงาน และมีความสุขมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในตัวเอง

เชิญชวนทุกคนร่วมเปลี่ยนแปลงตัวเอง

นายวิวรรธน์เชื่อว่า การเจ็บป่วยเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาเริ่มดูแลสุขภาพ และเขาโชคดีที่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ อย่างไรก็ตาม เขาอยากเชิญชวนทุกคนที่ยังไม่มีโรคให้เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่วันนี้ ด้วยการเปลี่ยนความคิดและขยับร่างกายเพื่อให้สุขภาพดีขึ้น ไม่ควรรอให้เกิดปัญหาสุขภาพก่อน

เชิญชวนร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เชิญชวนพี่น้องชาวนครพนมทุกกลุ่มวัย ร่วมแสดงความจงรักภักดีเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ผ่านการออกกำลังกายในกิจกรรม "โครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติฯ" ในวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ณ สนามจังหวัดนครพนม โดยมีกิจกรรมให้เลือกเดิน วิ่ง และปั่นจักรยาน ในระยะทางต่างๆ ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถสมัครลงทะเบียนได้ที่ https://wrb10.thai.run/event/NPM และสวมใส่เสื้อเหลืองไม่จำกัดรูปแบบ
See More
เทรนด์นอนน้อยมาแรง นอนดึกอย่างไร? ให้สุขภาพดี

การปรับตัวของคนรุ่นใหม่ในยุคที่นอนน้อยและนอนดึก

ในยุคสมัยใหม่ที่เทคโนโลยีและวิถีการทำงานเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ทั้งวัยทำงานและวัยเรียนมีแนวโน้มที่จะนอนน้อยและนอนดึกมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

ปรับตัวให้ทันกับเทรนด์นอนน้อย นอนดึก ของคนรุ่นใหม่

การเปลี่ยนแปลงของสังคมสมัยใหม่ที่ส่งผลต่อการนอน

ในยุคปัจจุบัน สังคมได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งในด้านเทคโนโลยีและวิถีการทำงาน ซึ่งส่งผลให้คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะนอนน้อยและนอนดึกมากขึ้น เช่น การทำงานแบบ Hybrid, Remote หรือ Work From Home รวมถึงอาชีพฟรีแลนซ์ ที่ทำให้ผู้คนสามารถจัดสรรเวลาการทำงานได้ด้วยตัวเอง และหันมาใช้ชีวิตในช่วงกลางคืนมากขึ้น นอกจากนี้ ภาคธุรกิจก็ได้มีการขยายเวลาเปิดกิจการเพื่อเอาใจสายนอนดึก เช่น Co-working Space, Community Mall และฟิตเนส ที่เริ่มเปิดบริการ 24 ชั่วโมง รวมถึงการช้อปปิ้งออนไลน์ที่สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง และมีการขยับช่วงเวลาโปรโมชั่นในช่วงเวลาที่ดึกกว่าเดิม

ผลกระทบของการนอนน้อยและนอนดึก

แม้ว่าค่าเฉลี่ยการนอนของผู้คนจะลดน้อยลง และนอนดึกกันจนเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าลืมว่า พฤติกรรมการนอนที่ไม่ดีมักส่งผลให้มีปัญหาสุขภาพตามมา ดังนั้น หากนอนดึกแล้ว เราจะดูแลสุขภาพดีได้อย่างไร

เทคนิคการนอนดึก นอนน้อย ให้มีสุขภาพที่ดี

แม้ว่าการนอนดึกและนอนน้อยจะเป็นเรื่องปกติของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน แต่ก็ไม่ควรละเลยการดูแลสุขภาพ ซึ่งมีเทคนิคต่างๆ ที่สามารถช่วยให้เรานอนดึก นอนน้อย แต่ยังคงมีสุขภาพที่ดี เช่น1. นอนดึกได้ แต่ต้องนอนให้ได้ขั้นต่ำ 4 ชั่วโมงร่างกายมนุษย์ต้องการการพักผ่อนอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องนอนดึก ควรหาเวลาพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้นอนหลับลึก หลับสนิท และช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการนอนหลับคือ ช่วงก่อน 02.00 น. เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายไม่เหนื่อยล้า ช่วยเรื่องส่วนสูงสำหรับเด็กๆ วัยกำลังโต ช่วยชะลอวัย เสริมภูมิต้านทาน และสุขภาพที่ดีให้กับผู้ใหญ่วัยทำงานด้วย2. ออกกำลังกายเบาๆ ยามเช้าสักหน่อยสำหรับคนที่นอนดึกเป็นประจำ การออกกำลังกายเบาๆ ยามเช้าหลังตื่นนอน เช่น การเดินเล่ว วิ่งเหยาะๆ หรือเปิดคลิปออกกำลังกายง่ายๆ สัก 30 นาที จะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าได้ดี และยังช่วยให้หลับสบายขึ้นด้วย3. งีบ 20 นาที รับรองมีพลัง!สำหรับคนที่นอนน้อยในคืนก่อน การงีบหลับสัก 15-20 นาทีในช่วงพักเที่ยง จะช่วยให้ร่างกายกลับมาเฟรชในระหว่างวันได้ดี เพราะเป็นการ Power Nap ที่จะให้พลังงานเทียบเท่ากับการนอน 3 ชั่วโมง4. ดื่มคาเฟอีนช่วยได้ (แต่อย่ามากจนเกินไป!)คาเฟอีนจากเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลม จะออกฤทธิ์ช่วยให้สมองตื่นตัวและตาสว่างประมาณ 6-7 ชั่วโมง ดังนั้น ควรดื่มกาแฟในช่วงเช้าเท่านั้น และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนหลังมื้อเที่ยงเป็นต้นไป5. บำรุงร่างกายด้วยอาหารที่มีประโยชน์เมื่อร่างกายเริ่มเหนื่อยล้าจากการนอนน้อย การทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ที่มีวิตามินบี และวิตามินซี จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย รวมถึงการดื่มน้ำเปล่า กินกล้วย และอาหารที่มีกรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบหลัก จะช่วยให้ร่างกายกลับมามีพลังอีกครั้ง

อาหารว่างยามดึกที่ดีต่อสุขภาพ

นอกจากเทคนิคการดูแลร่างกายให้พร้อมรับมือกับการนอนน้อยแล้ว การเลือกทานอาหารว่างในมื้อดึกที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้การนอนน้อยครั้งนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น1. กรีกโยเกิร์ตกรีกโยเกิร์ตให้โปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตทั่วไปถึง 2 เท่า แต่มีปริมาณแป้ง น้ำตาลต่ำกว่า จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และช่วยลดความอยากอาหารได้ดี2. ผลไม้สดผลไม้สด เช่น แอปเปิล ส้ม ฝรั่ง ที่มีใยอาหารเป็นส่วนประกอบหลัก เป็นตัวเลือกที่ดีในการทานยามหิวดึกๆ เพราะช่วยให้อิ่มท้องและย่อยง่าย3. ธัญพืชและถั่วเปลือกแข็งธัญพืชและถั่วเปลือกแข็ง เป็นแหล่งใยอาหารและไขมันดี ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีในการทานเป็นอาหารว่างยามดึก เพราะช่วยให้อิ่มท้องและย่อยง่าย
See More