ความบันเทิง
Sylvester Stallone จะเริ่มถ่ายทำ ‘Cliffhanger 2’ ในปลายปี 2024 นี้

สร้างต่อ 'Cliffhanger 2' ดึงดูดทั้งแฟนคลับและผู้ชมใหม่

เว็บไซต์ภาพยนตร์ชั้นนำ ScreenDaily ได้เปิดเผยข่าวสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาซีควลภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ได้รับความนิยมอย่าง 'Cliffhanger' โดยระบุว่าทีมงานมีแผนถ่ายทำภาคต่อในช่วงปลายปี 2024 และจะมีการสนับสนุนพิเศษจากภาครัฐในออสเตรียและเยอรมัน เพื่อดึงดูดให้ภาคต่อนี้ได้รับความสนใจในระดับสากล

ไขข้อมูล 'Cliffhanger 2' ที่แฟนๆ รอคอย

สร้างปรากฏการณ์ใหม่บนหน้าจอ

'Cliffhanger 2' จะกำกับโดย ฌ็อง-ฟร็องซัว ริเชต์ ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง 'Plane' (2023) ที่เพิ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชม ภายใต้การผลิตของทีมงานคุณภาพสูง อาทิ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ผู้อำนวยการสร้างตัวเอง, ลาร์ส ซิลเวสต์ จากภาพยนตร์ 'Ferrari' และธอร์สเทน ชูมัคเกอร์ ผู้อำนวยการสร้างจากยอดนิยมอย่าง 'Carole' เป็นต้น ซึ่งย่อมสะท้อนถึงศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพสูงที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั้งแฟนเก่าและใหม่

ความสำเร็จครั้งก่อนเป็นต้นทางสำหรับผลงานที่ยิ่งใหญ่กว่า

ภาคต่อจะยังให้ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน รับบทเป็นเกบ วอล์คเกอร์ ตัวละครหลักจากภาพยนตร์ต้นฉบับ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงแบบต่อเนื่องและสร้างความคุ้นเคยให้กับผู้ชม รวมทั้งยังเป็นการขยายเรื่องราวและอีกโอกาสหนึ่งในการสำรวจตัวละครในมิติใหม่ ความสำเร็จของ 'Cliffhanger' ในอดีตที่ทำรายได้กว่า 255 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเงินทุนเพียง 65 ล้านเหรียญ และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 3 สาขา ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ให้ความมั่นใจในศักยภาพของภาคต่อ

การสนับสนุนจากภาครัฐเพิ่มโอกาสสู่ความสำเร็จ

'Cliffhanger 2' ได้รับการสนับสนุนพิเศษจากโครงการสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ของประเทศออสเตรีย และจะถ่ายทำในหลายพื้นที่ของประเทศออสเตรียและรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ซึ่งการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในระดับประเทศเช่นนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงานระดับโลกและการเปิดตลาดในระดับสากล ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มมาตรฐานทางเทคนิคและความประณีตของภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเข้าถึงแหล่งข้อมูลและสถานที่ถ่ายทำที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความยิ่งใหญ่ของภาคต่อ
เทศกาลภาพยนตร์ LGBTQ+ เตรียมเปิดฉาก! 6 – 10 ก.ย. นี้ ชูความเท่าเทียม สู่การผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย
ไทยกลายเป็นศูนย์กลางภาพยนตร์ LGBTQ+ ระดับโลก กับเทศกาลภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ไทยจุดประกายความเท่าเทียมบนแผ่นฟิล์ม ต้อนรับงาน "THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ+ FILM & TV FESTIVAL 2024"

ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางภาพยนตร์ LGBTQ+ ระดับโลก ด้วยการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติ "THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ+ FILM & TV FESTIVAL 2024" ครั้งแรกของเมืองไทย ที่จะสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความหลากหลายทางเพศผ่านงานภาพยนตร์ชั้นเยี่ยมจากทั่วโลก ภายใต้แนวคิด "Where Film Unites Us All พลังแห่งภาพยนตร์จะเชื่อมเราไว้ด้วยกัน"

สร้างพื้นที่ให้ทุกความเป็นตัวตนได้เปล่งเสียง

การเกิดขึ้นของเทศกาล THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ+ FILM & TV FESTIVAL 2024

เทศกาลภาพยนตร์ LGBTQ+ ครั้งแรกของไทยเกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ได้แก่ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ร่วมกับภาคเอกชนชั้นนำ เช่น กันตนา, สยามพิวรรธน์ และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ปเป้าหมายหลักของงานคือการสร้างพื้นที่และโอกาสให้ทุกคนได้แสดงตัวตนและฉลองความเท่าเทียมทางเพศ โดยใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อกลางเชื่อมโยงผู้คนทุกเพศ ทุกวัย และทุกวัฒนธรรม ภายใต้แนวคิด "Where Film Unites Us All" หรือ "พลังแห่งภาพยนตร์จะเชื่อมเราไว้ด้วยกัน"

ประเทศไทย มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางภาพยนตร์ LGBTQ+ ระดับโลก

การจัดเทศกาลครั้งนี้ยังเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ LGBTQ+ ของไทยสู่สายตานานาชาติ อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพของวงการภาพยนตร์ไทย ที่มีทั้งความพร้อมของทีมงานและความหลากหลายด้านโลเคชั่น เพื่อส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ระดับโลก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

งานเทศกาลภาพยนตร์ LGBTQ+ ที่ครบครัน

ภายในงาน "THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ+ FILM & TV FESTIVAL 2024" จะได้พบกับภาพยนตร์ LGBTQ+ ที่ได้รับรางวัลมากกว่า 28 เรื่อง จาก 14 ประเทศทั่วโลก อาทิ Before I Change My Mind, Splendid Isolation, Big Boys, Solids by the Seashore, Days และ Vera and the Pleasure of Othersนอกจากนี้ ยังมีการนำผลงานในตำนานของไทย เช่น "ฉันผู้ชายนะยะ" ผลงานของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ศิลปินแห่งชาติ และ "รักแห่งสยาม" มาฉายใหม่บนจอภาพยนตร์ ภายในงานยังเตรียมจัดกิจกรรมเสวนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากผู้กำกับชื่อดังทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการประกวดภาพยนตร์สั้นเพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่แสดงศักยภาพ และบอกเล่าเรื่องราวความหลากหลายในมิติใหม่ ๆ ไฮไลต์ของงานคือการเปิดพรมแดงอลังการ ที่จะมีเหล่าดาราศิลปิน ไอคอนิกของ LGBTQ+ และคนดังมากมายจากทั้งในและต่างประเทศ มาร่วมงานโชว์ตัว อาทิ นลิน-ฉัตร์ณลิณ, พอร์ช-อภิวัฒน์, อาม-สัพพัญญู, ติ๊นา-ศุภนาฎ, คุณชายอดัม-ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี, Leyna Bloom และ Tsai Ming Liang
See More
“พรชีวัน” ทุบเรตติ้งสูงสุด ปิดตำนานจักรวาล “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ-ดวงใจเทวพรหม”
ละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ-ดวงใจเทวพรหม ปิดฉากอันยิ่งใหญ่ด้วยความยิ่งใหญ่

จุฑาเทพและเทวพรหมปิดฉากด้วยความยิ่งใหญ่

การปิดฉากละครชุด "ดวงใจเทวพรหม" ที่ผสานความรักระหว่างรุ่นพ่อในเรื่อง "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ไปสู่รุ่นลูก ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ และทำลายสถิติเรตติ้งในช่วงตอนจบ โดยได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากแฟนละครทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ความสำเร็จที่ทุกคนต้องจดจำไปด้วยกัน

ความสำเร็จที่ทำเข้าเทรนด์ได้อย่างรวดเร็ว

ละครเรื่องนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จที่น่าจดจำ โดยแฮชแท็ก #พรชีวันEP15 และ #พรชีวันตอนจบ ได้ติดเทรนด์ลำดับที่ 1 ของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสามารถทุบเรตติ้งของกลุ่มผู้ชมในกรุงเทพฯ ไปถึง 5.6 กลุ่ม 15 BU+ (Bangkok and Urban) และมีเรตติ้งทั่วประเทศสูงถึง 3.8 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างมากสำหรับละครเรื่องนี้

ความสำเร็จที่สร้างสถิติใหม่

ในตอนจบของละครเรื่องนี้ ยังสามารถทำลายสถิติเรตติ้งของกลุ่มผู้ชมในกรุงเทพฯ ไปที่ 6.0 กลุ่ม 15 BU+ (Bangkok and Urban) และมีเรตติ้งทั่วประเทศสูงถึง 3.7 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำและชื่นชมของบรรดาแฟนละคร

ความสำเร็จที่มีความโดดเด่น

ละครเรื่องนี้มีเรตติ้งที่โดดเด่นแต่ละตอน โดยลออจันทร์ มีเรตติ้งสูงสุด 3.3 และเรตติ้งเฉลี่ย 2.77, ขวัญฤทัย มีเรตติ้งสูงสุด 3.8 และเรตติ้งเฉลี่ย 3.12, ใจพิสุทธิ์ มีเรตติ้งสูงสุด 3.4 และเรตติ้งเฉลี่ย 2.94, ดุจอัปสร มีเรตติ้งสูงสุด 3.3 และเรตติ้งเฉลี่ย 2.79, และพรชีวัน มีเรตติ้งสูงสุด 3.8 และเรตติ้งเฉลี่ย 3.18 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง

ความสำเร็จที่สามารถบันทึกช่วงเวลาอันมีค่าได้อย่างยิ่งใหญ่

ละครเรื่องนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสำเร็จในเรื่องเรตติ้งเท่านั้น แต่ยังสร้างความประทับใจให้กับแฟนละครที่ได้ติดตามตั้งแต่รุ่นพ่อ "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" และได้ติดตามต่อไปยังรุ่นลูก "ดวงใจเทวพรหม" ซึ่งสร้างปรากฏการณ์และทำให้แฟนละครมีความรู้สึกที่ดีต่อละครเรื่องนี้อย่างล้นหลาม
See More