ความบันเทิง
ผังเด็ดช่อง 7HD ส่งละครใหม่ลงจอช่วง 6 โมงเย็น ประเดิมด้วย “รักซ่อนรส”

ทุกความสุขมารวมไว้ที่ "รักซ่อนรส" ละครเพื่อคนรักรสชาติ

ช่อง 7HD กลับมาเอาใจแฟนละครอีกครั้ง ด้วยการจัดผังรายการใหม่ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของเนื้อหาและเวลาออกอากาศ โดยจะนำเสนอละครเรื่องใหม่ "รักซ่อนรส" ซึ่งเป็นละครโรแมนติก-ดรามา ที่จะเข้ามาครองช่วงเวลาที่น่าสนใจในช่วง 18.00 น. ของทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี

ไม่เพียงความรัก แต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติแห่งความสุข

ในละครเรื่อง "รักซ่อนรส"

"รักซ่อนรส" เป็นละครโรแมนติก-ดรามาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานเดิมอย่าง "รักซ่อนรส" ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาแล้ว แต่ในครั้งนี้ได้เพิ่มเติมความแปลกใหม่ด้วยการเปิดตัวนักแสดงหน้าใหม่อย่าง "มิ้นชิ เสฏฐนันท์" ควบคู่ไปกับนักแสดงรุ่นพี่อย่าง "อ๊อฟ ชนะพล" ซึ่งทั้งคู่มีเคมีและฟิลลิ่งที่ลงตัว รับประกันความสนุกสนานไปกับเรื่องราวความรักที่ทั้งหวาน ทั้งปั่นป่วนเรื่องราวของ "รักซ่อนรส" เริ่มจากตัวละครหลัก 2 คน คือ "ฟ้าใส" นักรีวิวอาหารสาวเอี่ยม ที่ชีวิตพลิกผันจากการถูกร่ำรวยบ้านปล้นจนต้องหันไปทำงานในร้านอาหารของ "สรรค์" หนุ่มเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง ที่ถูกไล่ล่าจากอดีต แต่ด้วยฝีมือด้านอาหารของ "ฟ้าใส" ทำให้ร้านอาหารของ "สรรค์" ฟื้นคืนชีพ และค่อยๆ ก่อตัวเป็นความรักระหว่างทั้งคู่ แต่มาพบอุปสรรคจากความหวังดีที่เป็นอันตรายต่อความรักของพวกเขาในการสร้างละครเรื่องนี้ ทางผู้จัดฯ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของอาหารและการกินอย่างพิถีพิถัน โดยได้ให้นักแสดงสาวอย่าง "มิ้นชิ" ได้ศึกษาและฝึกทำอาหารเพื่อให้การแสดงมีความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารมาให้ความรู้และให้คำแนะนำแก่นักแสดงอีกด้วย เพื่อให้ละครเรื่องนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ความพิเศษของ "รักซ่อนรส"

ไม่เพียงแค่ความรักและดราม่าที่น่าติดตาม แต่ "รักซ่อนรส" ยังได้มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมอีกมากมาย อาทิ- ได้เรียนรู้เทคนิคการทำอาหารและสูตรอาหารใหม่ๆ ที่น่าสนใจ- ได้ชมความสามารถด้านการแสดงของนักแสดงรุ่นใหม่อย่าง "มิ้นชิ" ที่พร้อมสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก- ได้ติดตามความสัมพันธ์อันซับซ้อนและเต็มไปด้วยอุปสรรคของคู่พระ-นางที่ต้องพยายามฝ่าฟันไปด้วยกัน- ได้สัมผัสบรรยากาศความอบอุ่นและความสุขในครอบครัวของตัวละครหลักด้วยความหลากหลายและความพิถีพิถันในการสร้างสรรค์ละครเรื่องนี้ ทำให้ "รักซ่อนรส" เป็นอีกหนึ่งละครที่มีความโดดเด่นและน่าติดตามอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นด้านเนื้อหา การแสดง หรือแม้แต่การนำเสนอรสชาติอาหารที่น่าสนใจ ซึ่งจะทำให้ผู้ชมได้รับความสุขและความสนุกสนานอย่างเต็มอิ่ม

ทัพละครดีๆ รออยู่ที่ช่อง 7HD

ไม่เพียงแค่ "รักซ่อนรส" เท่านั้น ที่ช่อง 7HD ยังได้เตรียมรายการและละครดีๆ อีกมากมายมาเอาใจแฟนๆ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งจะประกอบด้วยทั้งละครเรื่องใหม่ที่น่าสนใจ และละครฟอร์มใหญ่ที่แฟนๆ ต้องรอคอย โดยจะออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ เพื่อให้ทุกคนได้ติดตามความสนุกสนานตลอดทั้งสัปดาห์ดังนั้น แฟนละครทุกคนจงติดตามและเตรียมเก็บความสุขไว้กับ "รักซ่อนรส" และละครคุณภาพอื่นๆ ที่จะมาเติมเต็มความสุขให้กับทุกคนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่ช่อง 7HD
Control และ Alan Wake เริ่มเตรียมงานการพัฒนาเป็นภาพยนตร์ – ซีรีส์คนแสดงจริง

เปิดศึกยุทธศาสตร์ควบคุมโลกภาพลวงตาจาก Remedy Entertainment

เมื่อพูดถึงเกมจากค่าย Remedy Entertainment ไม่ว่าจะเป็น Control หรือ Alan Wake ต่างก็มีคุณสมบัติเหมาะที่จะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์คนเล่นได้อย่างลงตัว ด้วยการนำเสนอเรื่องราวในรูปแบบแบ่งเป็นบท พร้อมทั้งมีการจัดทำสื่อคนแสดงจริงเพื่อผลักดันเนื้อเรื่องให้ชัดเจนขึ้น และที่สำคัญที่สุดก็คือ ธีมของเกมแนวระทึกขวัญที่ได้รับความนิยมในวงการจอเงิน จอแก้วอีกด้วย

เตรียมฉายในจอใหญ่ ด้วยหนูสุดแสนกล

ก้าวสำคัญของธุรกิจเกม สู่การครองพื้นที่จอภาพ

ล่าสุด Remedy Entertainment ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ผู้พัฒนาเกมชื่อดังได้ร่วมมือกับบริษัท Annapurna ในการจับมือเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ สำหรับการพัฒนาเกมภาค Control และ Alan Wake ในอนาคต โดยในส่วนนี้ Remedy จะยังคงมีสิทธิ์ในการพัฒนาเกมภาคใหม่หรือเกมอื่นๆ ต่อไป และจะได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจาก Annapurna อย่างเต็มที่เช่นเดิม ขณะเดียวกัน Annapurna ก็จะก้าวขึ้นมามีบทบาทในฐานะโปรดิวเซอร์ร่วม พร้อมทั้งมีสิทธิ์ในการพัฒนาภาพยนตร์หรือซีรีส์จากทรัพย์สินทางปัญญาของ Remedy ด้วยแม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีความเคลื่อนไหวหรือการยืนยันการพัฒนาอะไรมากนัก แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปิดโอกาสให้เกมเมอร์ทุกคนได้เห็นความฝันเป็นจริง เพราะด้วยการร่วมมือกับ Annapurna ที่มีบทบาทในฐานะโปรดิวเซอร์ร่วมนั้น จะทำให้ Control และ Alan Wake มีโอกาสถูกนำมาดัดแปลงและถ่ายทอดใหม่ในรูปแบบของภาพยนตร์หรือซีรีส์ในอนาคต

หนังสั้น Alan Wake ไล่ติดตามตำนานอาถรรพ์เมือง Bright Falls

ในส่วนของโปรเจ็กต์ล่าสุดจาก Remedy อย่าง Alan Wake ภาคที่ 2 เป็นตัวอย่างที่ดีถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของวงการเกมและภาพยนตร์ เนื่องจากเกมดังกล่าวได้เสริมสร้างประสบการณ์การเล่นด้วยการนำเสนอนิยายภาคพิเศษในรูปแบบหนังสั้นควบคู่ไปด้วย ซึ่งเนื้อเรื่องจะเล่าถึงความลับของเมือง Bright Falls ที่ได้ปรากฏตัวในเกม Alan Wake ภาคแรกภายในหนังสั้นดังกล่าว เราจะได้ติดตามเรื่องราวของนักเขียนหนุ่มที่หายตัวไปตั้งแต่ 13 ปีก่อน ขณะที่เขาต้องเอาตัวรอดจากฝันร้ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับการ์ตัวละครที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชม โดยเฉพาะการไล่ติดตามของเจ้าหน้าที่ FBI อย่าง Saga Anderson ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว ซึ่งก็ยิ่งทำให้เนื้อหามีความซับซ้อนขึ้นไปอีกหนังสั้นดังกล่าวจึงเป็นตัวอย่างที่ดีถึงความเป็นไปได้ในอนาคตว่า Control และ Alan Wake อาจจะถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ในอนาคต โดยที่ Annapurna ในฐานะพันธมิตรร่วมจะเป็นผู้สนับสนุนและสร้างสรรค์ผลงานเหล่านั้นให้เป็นจริง

ช่วยมนุษย์ชาติให้รอดพ้นจากอาถรรพ์ บนเส้นทางสู่เส้นทางอันมืดสลวาง

นอกเหนือจากการพัฒนาเกมภาค Control และ Alan Wake แล้ว Remedy Entertainment ยังมีโปรเจ็กต์อื่นๆ ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เช่น Absolute Zero ซึ่งเป็นเกมภาคใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และถือเป็นเกมนวัตกรรมด้านการเล่นเกมที่ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นกับตัวละครหลักของเกมโดยในเกม Absolute Zero นั้น ผู้เล่นจะได้รับบทบาทเป็น "ผู้ช่วยเหลือ" ของตัวละครหลัก ซึ่งจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางเพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามอันร้ายแรงที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยที่ตัวละครหลักและผู้เล่นจะต้องพึ่งพาอาศัยและปกป้องซึ่งกันและกันตลอดการเดินทาง ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้เล่นและตัวละครหลักในเกม Absolute Zero นี้ ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ Remedy ใช้เพื่อดึงดูดความสนใจของนักเล่นเกมในยุคปัจจุบัน นอกเหนือจากธีมเรื่องราวที่น่าติดตามแล้ว การที่ผู้เล่นได้เข้าไปมีส่วนร่วมแบบใกล้ชิดกับตัวละครก็ยิ่งทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว และอยากที่จะช่วยเหลือตัวละครหลักให้พ้นพิภพจากภัยอันแสนสยดสยองที่กำลังคุกคาม ด้วยการออกแบบเกมนวัตกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอย่างแท้จริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต่อไปเราอาจจะได้เห็น Absolute Zero หรือแม้แต่เกมอื่นๆ จาก Remedy ถูกพัฒนาต่อยอดไปสู่ภาพยนตร์หรือซีรีส์ได้ในอนาคต
See More
‘เลนส์ภาพยนตร์’ บันทึกหน้าประวัติศาสตร์ และภาพสะท้อนร่วมสมัย
ดาวท้องฟ้าพื้นที่ปลอดภัย: ภาพยนตร์และซีรีส์ในยุคความขัดแย้งทางธรรมชาติในช่วงต้นปี 2024 นี้ ภาพยนตร์และซีรีส์จำนวนมากได้ถูกนำมาจัดฉายในโรงภาพยนตร์และสตรีมมิง โดยหลายเรื่องได้หยิบยกเรื่องราวในอดีตที่มีความวิกฤต และสื่อสารถึงผลกระทบในปัจจุบันที่เกิดจากความขัดแย้งทางธรรมชาติ

ภาพยนตร์และสื่อสร้างสรรค์ที่ท้าทายสถานการณ์โลกปัจจุบัน

การฟื้นฟูเรื่องราวทางประวัติศาสตร์

ภาพยนตร์และซีรีส์เรื่อง Gyeongseong Creature, Exhuma, The Zone of Interest และ 3 Body Problem เป็นตัวอย่างของผลงานที่ออกฉายในช่วงต้นปี 2024 ซึ่งต่างก็เล่าเรื่องราวจากอดีต โดยสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน การสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ก็เสมือนเป็นการเปิดโปงและทบทวนประวัติศาสตร์อันมืดหม่น เพื่อเตือนสติผู้ชมต่อสถานการณ์โลกที่มีแนวโน้มของความตึงเครียดและความขัดแย้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ภาพยนตร์และสื่อสร้างสรรค์ยังคงเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและเผยแพร่ความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญต่อการเข้าใจสถานการณ์โลกในปัจจุบัน

การใช้ภาพยนตร์เพื่อโฆษณาชวนเชื่อ

การใช้ภาพยนตร์เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมอุดมการณ์ทางการเมืองและความชาตินิยมนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง คือ ภาพยนตร์เรื่อง "Casablanca" (1942) และซีรีส์ "Why We Fight" (1942-1945) ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเป็นเอกภาพของคนในชาติและเสริมขวัญกำลังใจให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร ล่าสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็ปรากฏภาพยนตร์ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของโฆษณาชวนเชื่อ เช่น "Crimea" (2014) ที่สนับสนุนการผนวกไครเมียของรัสเซีย และ "Wolf Warrior 2" (2017) ที่สะท้อนถึงความเข้มแข็งและความเหนือกว่าของจีนในเวทีโลก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลจีนในการฟื้นฟูประเทศ ข้อเท็จจริงเหล่านี้ทำให้เห็นว่า ภาพยนตร์ยังคงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง

การสร้างความเข้าใจที่บิดเบือนผ่านสเตอริโอไทป์

นอกจากการใช้ภาพยนตร์เพื่อเป้าหมายทางการเมืองแล้ว การนำเสนอตัวละครต่างเชื้อชาติในบทบาทที่ลดทอนคุณค่าและสร้างความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนก็เป็นอีกประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การกำหนดให้ตัวละครจากตะวันออกกลางเป็นผู้ก่อการร้าย หรือตัวละครเอเชียเป็นคนก่อปัญหา ซึ่งประเด็นเหล่านี้ได้ถูกสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เกิดความรู้สึกต่อต้านชาวเอเชีย ลักษณะการบิดเบือนความจริงเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัฒนธรรม แต่ยังก่อให้เกิดทัศนคติแบบเหมารวมที่อันตรายต่อสังคมโลก แม้ว่าจะมีภาพยนตร์อย่าง "Black Panther" (2018) ที่ได้รับการชื่นชมในการนำเสนอวัฒนธรรมแอฟริกันในเชิงบวก แต่ก็ยังมีภาพยนตร์อื่น ๆ ที่คงยังคงนำเสนอทวีปแอฟริกาผ่านมุมมองของความยากจนและความขัดแย้ง

ภาพยนตร์และสื่อสร้างสรรค์เป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลง

แม้ว่าภาพยนตร์และสื่อสร้างสรรค์จะสามารถใช้ในการส่งเสริมอุดมการณ์และความชาตินิยม หรือสร้างความเข้าใจที่บิดเบือนต่อกลุ่มคนบางกลุ่มได้ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง มันก็สามารถเป็นพลังในการสร้างความตระหนักรู้และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในทิศทางที่ดีได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น สารคดี "The Social Dilemma" (2020) ที่สำรวจประเด็นการเสพติดโซเชียลมีเดียและการเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งาน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงและค้นหาแนวทางการกำกับดูแลอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม หรือภาพยนตร์ "Seaspiracy" (2021) ที่เปิดเผยถึงความเสียหายของการประมงที่มากเกินไปต่อระบบนิเวศทางทะเล จนนำไปสู่การเรียกร้องให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอย่างยั่งยืนดังนั้น ภาพยนตร์และสื่อสร้างสรรค์จึงมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความคิด เพิ่มความตระหนัก และตอกย้ำสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ทั้งในแง่การใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและการสร้างความเข้าใจที่บิดเบือน รวมถึงการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี หรือความยุติธรรมทางสังคม ภาพยนตร์และสื่อสร้างสรรค์จึงมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสังคมโลก
See More