ความบันเทิง
เก็บตกบรรยากาศสุดอลัง “เติร์ด-มาเบล-เก๋ไก๋-กัปตัน-จ๋อมแจ๋ม” เดินพรมแดง งานเปิดตัวภาพยนตร์ “อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป”

ยกระดับประสบการณ์ชมภาพยนตร์ไปอีกขั้น กับ "อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป"

ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ "อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป" ที่จัดขึ้นอย่างอลังการ ได้รับเกียรติจากศิลปินและนักแสดงชื่อดังมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ทั้ง เติร์ด-ลภัส งามเชวง, มาเบล-สุชาดา สอนพันธ์, เก๋ไก๋-ณัฐธิชา นามวงษ์, กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง และ จ๋อมแจ๋ม-สุพิชชา สุบรรณพงษ์ ร่วมด้วยนักแสดง โดม-จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่โลกแห่ง "Achilles Curse…อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป" ภาพยนตร์ผลงานกำกับของ เบนซ์-มนัสดาภรณ์ พงศ์จิณณธรรม ร่วมมือกับ "โอเค ดี โปรดักชั่น เฮาส์ แอนด์ ดีไซน์" และ "ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล"

ค้นหาความจริงในโลกแห่งปริศนา "อคิลลิสเคิร์ส"

ปริศนาแห่งโลก "อคิลลิสเคิร์ส"

ภาพยนตร์ "อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป" เป็นการเปิดประตูสู่โลกแห่งปริศนาที่ซับซ้อนและน่าค้นหา ผู้ชมจะได้ร่วมเดินทางไปกับนักสืบที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการไขปริศนาลึกลับ ที่เกี่ยวข้องกับตำนานของฮีโร่ในวรรณคดีกรีก อย่าง "อคิลลิส" ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องราวของ "อคิลลิสเคิร์ส" หรือ "คำสาปของอคิลลิส" ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมเข้าสู่การสืบสวนหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ชั้นนำ

ภาพยนตร์ "อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป" เป็นผลงานการกำกับของ เบนซ์-มนัสดาภรณ์ พงศ์จิณณธรรม ซึ่งเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์มากมาย ในการสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยได้ร่วมมือกับ "โอเค ดี โปรดักชั่น เฮาส์ แอนด์ ดีไซน์" และ "ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล" ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในวงการภาพยนตร์ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตและการตลาด ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต และมั่นใจได้ว่าจะสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้ชมอย่างแน่นอน

นักแสดงชื่อดังร่วมสร้างสรรค์ผลงาน

ภาพยนตร์ "อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป" มีนักแสดงชื่อดังมากมายร่วมแสดง อาทิ เติร์ด-ลภัส งามเชวง, มาเบล-สุชาดา สอนพันธ์, เก๋ไก๋-ณัฐธิชา นามวงษ์, กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง และ จ๋อมแจ๋ม-สุพิชชา สุบรรณพงษ์ รวมถึงนักแสดงอย่าง โดม-จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม ซึ่งล้วนแต่เป็นศิลปินที่มีฐานแฟนคลับมากมาย และมีความสามารถในการถ่ายทอดบทบาทต่างๆ ได้อย่างน่าประทับใจ การรวมตัวของนักแสดงชั้นนำเช่นนี้ จะช่วยเพิ่มมิติและความน่าสนใจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

ประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่แตกต่าง

ภาพยนตร์ "อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป" ไม่ใช่เพียงแค่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่เป็นการเปิดประตูสู่โลกแห่งปริศนาที่ซับซ้อนและน่าค้นหา ผู้ชมจะได้ร่วมเดินทางไปกับนักสืบที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการไขปริศนาลึกลับ ที่เกี่ยวข้องกับตำนานของฮีโร่ในวรรณคดีกรีก อย่าง "อคิลลิส" ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์ในการชมภาพยนตร์ของผู้ชมแตกต่างไปจากเดิม ด้วยการผสมผสานระหว่างความลึกซึ้งทางปรัชญา ความตื่นเต้นของการสืบสวน และความสนุกสนานของการค้นหาความจริง ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และจะติดตามความเคลื่อนไหวของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
อ้อม พิยดา พร้อมปรับตัวรับมือวิกฤตละครไทย คุยผู้จัดรุ่นพี่-เข้าใจหลายคนถอดใจ

ปรับตัวรับมือวิกฤตละครไทย: ความท้าทายและโอกาสใหม่สำหรับผู้จัดรุ่นพี่

วงการละครไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยจำนวนผู้ชมที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายช่องต้องสั่งระงับการผลิตชั่วคราว และบางค่ายถึงขั้นต้องปิดตัวลง เนื่องจากไม่มีงานละครให้ทำ ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้จัดรุ่นพี่อย่าง "อ้อม พิยดา อัครเศรณี" จากค่าย เมจิค อีฟ วัน เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้แบ่งปันมุมมองและแนวทางในการปรับตัวรับมือกับวิกฤตครั้งนี้

ปรับตัวรับมือวิกฤตละครไทย: ความท้าทายและโอกาสใหม่สำหรับผู้จัดรุ่นพี่

ปรับตัวให้ทันยุคและคนเจนเนอเรชั่นใหม่

อ้อม พิยดา กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดละครและผู้ดำเนินรายการวิทยุ ค่าย เมจิค อีฟ วัน เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้รับผลกระทบจากวิกฤตละครไทยเช่นกัน หลังจากจบละครเรื่อง "สืบลับหมอระบาด" ทางค่ายได้มุ่งความสนใจไปที่การทำรายการวิทยุ Flex 104.5 เป็นหลัก ทำให้ยังไม่ได้เสนอละครเรื่องใหม่ออกมาอย่างไรก็ตาม อ้อม พิยดา ระบุว่า ทางค่ายต้องปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยและกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของธุรกิจทั้งในส่วนของละครและวิทยุ ทางค่ายจึงต้องศึกษาและทำความเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่ชอบและสนใจในเรื่องอะไร เพื่อจะได้ปรับกลยุทธ์และเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

ปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้จัดรุ่นพี่

อ้อม พิยดา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทางค่ายได้มีการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้จัดรุ่นพี่ในวงการ เช่น พี่นก ฉัตรชัย จากละครเรื่อง "บางกอกคณิกา" รวมถึงผู้จัดคนอื่นๆ ซึ่งต่างก็มีความรู้สึกว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นเหนื่อยหนักและอาจถึงขั้นถอดใจอ้อม พิยดา ยอมรับว่า ตนเองและผู้จัดคนอื่นๆ ก็มีความรู้สึกเช่นนั้นบ้าง แต่ก็พยายามที่จะปรับตัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะวงการบันเทิงเท่านั้น แต่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของสื่อโซเชียล

ปรับกลยุทธ์และเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

อ้อม พิยดา เชื่อว่า ละครไทยจะไม่หายไปจากโทรทัศน์ แต่จะมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไป โดยจะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ใช่กลุ่มผู้ชมที่มีจำนวนมากเหมือนในอดีตทางค่าย เมจิค อีฟ วัน เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้มีการวางแผนและพัฒนาเนื้อหาใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน โดยอ้อม พิยดา เผยว่า ทางค่ายมีความสนใจที่จะทำละครเรื่องใหม่ที่ตรงกับความชอบของกลุ่มวัยรุ่น เช่น ซีรีส์วายหรือซีรีส์เกิร์ลเลิฟ แต่ในขณะนี้ยังติดภารกิจด้านวิทยุอยู่ จึงยังไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ทางค่ายมีแผนที่จะเปิดโอกาสให้อ้อม พิยดา ได้แสดงในปีหน้า

ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและมองหาโอกาสใหม่

อ้อม พิยดา กล่าวว่า ตนเองและผู้จัดคนอื่นๆ ในวงการ ต่างก็ยอมรับและเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกใจหาย เพราะเชื่อว่าทุกการเปลี่ยนผ่านล้วนเป็นภาพความทรงจำที่ดี และเป็นโอกาสที่จะได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบันในขณะที่วงการละครไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก แต่ผู้จัดรุ่นพี่อย่าง อ้อม พิยดา ก็ยังคงมองโลกในแง่ดี และพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเนื้อหาและกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน รวมถึงการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของตนเองสามารถดำเนินต่อไปได้ท่ามกลางวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น
See More
ภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย ก้าวสู่เวทีโลก ดันเศรษฐกิจสีชมพูบูม

ภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย กำลังก้าวสู่ความสำเร็จระดับโลก

งาน Thailand International LGBTQ+ Film & TV Festival 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ที่สยามพารากอน ไม่เพียงแค่เป็นการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ แต่ยังเป็นการประกาศศักดาของภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทยในเวทีโลก และตอกย้ำบทบาทของกรุงเทพฯ ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูของเอเชีย

ภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลก

ความสำเร็จของภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทยบนเวทีโลก

ธนะชัย กุลสมบูรณ์สินธ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Canvas Ventures International ชี้ให้เห็นความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยอย่าง "วิมานหนาม" ที่ไปไกลถึงเทศกาลหนังเมืองคานส์ และยังได้ถูกนำไปฉายบน Netflix และ Amazon Prime เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภาพยนตร์ไทยที่สามารถเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก ซึ่งถือเป็นโอกาสทองสำหรับกรุงเทพฯ ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูในเอเชีย เนื่องจากสามารถดึงดูดนักลงทุนและผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์จากทั่วโลกมาร่วมงานธนะชัยยังยกตัวอย่างภาพยนตร์ LGBTQ+ ที่ประสบความสำเร็จอย่าง "เพื่อน..กูรักมึงว่ะ" และ "มะลิลา" ที่ได้รับการยอมรับในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ และได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลระดับโลก รวมถึงได้ถูกนำไปฉายบนแพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลก สะท้อนถึงคุณภาพของคนทำหนังไทย

ตลาดความบันเทิง LGBTQ+ ในเอเชียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ธนะชัยกล่าวว่า ปัจุบันตลาดความบันเทิง LGBTQ+ ในเอเชียมีมูลค่ากว่า 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเติบโตขึ้น 7% ทุกปี ซึ่งพบว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีตลาดที่โตเร็วที่สุด นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสทองสำหรับนักลงทุน และคนทำภาพยนตร์ด้านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Amazon Prime ได้มีการลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญฯ ในคอนเทนต์ LGBTQ+ ของเอเชียในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางสำคัญให้คนทำหนังไทยหารายได้และเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก

ไทยสู่การเป็นผู้นำภาพยนตร์ LGBTQ+ ในระดับโลก

ธนะชัยระบุว่า หากต้องการให้ไทยเป็นผู้นำในการสร้างภาพยนตร์ LGBTQ+ ต้องสร้างภาพยนตร์ที่มีคุณภาพ สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก และตอบโจทย์เทรนด์ในปัจจุบัน ได้แก่1. กระแส Woke: ภาพยนตร์ LGBTQ+ กำลังพูดถึงประเด็นสังคมมากขึ้น เช่น เรื่องราวของคนข้ามเพศ หรือกลุ่มคนที่เป็นชนกลุ่มน้อย ทำให้สามารถดึงดูดผู้ชมและนักลงทุนที่ใส่ใจประเด็นสังคม2. ตัวละครหลากมิติ: ภาพยนตร์ควรนำเสนอตัวละครที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เพศสภาพ อายุ และภูมิหลัง เพื่อให้ผู้ชมเข้าถึงและเชื่อมโยงกับตัวละครได้มากขึ้น3. ร่วมมือกับต่างชาติ: การร่วมมือกับผู้สร้างจากต่างประเทศช่วยยกระดับหนังไทย และเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และขยายเครือข่าย4. ใช้เทคโนโลยี: VR และ AR สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ชม

กรุงเทพฯ สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูในเอเชีย

ธนะชัยมองว่า กรุงเทพฯ ต้องสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อธุรกิจและผู้ประกอบการ LGBTQ+ ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือกับต่างชาติ รวมถึงดึงดูดนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสในตลาดบันเทิงที่กำลังเติบโตเทศกาล LGBTQ+ Film & TV 2024 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นพลังของภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย และธนะชัยระบุว่า ตั้งใจจะใช้ความสำเร็จนี้ในการดึงดูดนักลงทุนและสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูในเอเชียแปซิฟิก
See More