ความบันเทิง
อ้อม พิยดา พร้อมปรับตัวรับมือวิกฤตละครไทย คุยผู้จัดรุ่นพี่-เข้าใจหลายคนถอดใจ

ปรับตัวรับมือวิกฤตละครไทย: ความท้าทายและโอกาสใหม่สำหรับผู้จัดรุ่นพี่

วงการละครไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยจำนวนผู้ชมที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายช่องต้องสั่งระงับการผลิตชั่วคราว และบางค่ายถึงขั้นต้องปิดตัวลง เนื่องจากไม่มีงานละครให้ทำ ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้จัดรุ่นพี่อย่าง "อ้อม พิยดา อัครเศรณี" จากค่าย เมจิค อีฟ วัน เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้แบ่งปันมุมมองและแนวทางในการปรับตัวรับมือกับวิกฤตครั้งนี้

ปรับตัวรับมือวิกฤตละครไทย: ความท้าทายและโอกาสใหม่สำหรับผู้จัดรุ่นพี่

ปรับตัวให้ทันยุคและคนเจนเนอเรชั่นใหม่

อ้อม พิยดา กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดละครและผู้ดำเนินรายการวิทยุ ค่าย เมจิค อีฟ วัน เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้รับผลกระทบจากวิกฤตละครไทยเช่นกัน หลังจากจบละครเรื่อง "สืบลับหมอระบาด" ทางค่ายได้มุ่งความสนใจไปที่การทำรายการวิทยุ Flex 104.5 เป็นหลัก ทำให้ยังไม่ได้เสนอละครเรื่องใหม่ออกมาอย่างไรก็ตาม อ้อม พิยดา ระบุว่า ทางค่ายต้องปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยและกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของธุรกิจทั้งในส่วนของละครและวิทยุ ทางค่ายจึงต้องศึกษาและทำความเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่ชอบและสนใจในเรื่องอะไร เพื่อจะได้ปรับกลยุทธ์และเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

ปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้จัดรุ่นพี่

อ้อม พิยดา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทางค่ายได้มีการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้จัดรุ่นพี่ในวงการ เช่น พี่นก ฉัตรชัย จากละครเรื่อง "บางกอกคณิกา" รวมถึงผู้จัดคนอื่นๆ ซึ่งต่างก็มีความรู้สึกว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นเหนื่อยหนักและอาจถึงขั้นถอดใจอ้อม พิยดา ยอมรับว่า ตนเองและผู้จัดคนอื่นๆ ก็มีความรู้สึกเช่นนั้นบ้าง แต่ก็พยายามที่จะปรับตัวและยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะวงการบันเทิงเท่านั้น แต่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของสื่อโซเชียล

ปรับกลยุทธ์และเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

อ้อม พิยดา เชื่อว่า ละครไทยจะไม่หายไปจากโทรทัศน์ แต่จะมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไป โดยจะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ใช่กลุ่มผู้ชมที่มีจำนวนมากเหมือนในอดีตทางค่าย เมจิค อีฟ วัน เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้มีการวางแผนและพัฒนาเนื้อหาใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน โดยอ้อม พิยดา เผยว่า ทางค่ายมีความสนใจที่จะทำละครเรื่องใหม่ที่ตรงกับความชอบของกลุ่มวัยรุ่น เช่น ซีรีส์วายหรือซีรีส์เกิร์ลเลิฟ แต่ในขณะนี้ยังติดภารกิจด้านวิทยุอยู่ จึงยังไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ทางค่ายมีแผนที่จะเปิดโอกาสให้อ้อม พิยดา ได้แสดงในปีหน้า

ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและมองหาโอกาสใหม่

อ้อม พิยดา กล่าวว่า ตนเองและผู้จัดคนอื่นๆ ในวงการ ต่างก็ยอมรับและเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกใจหาย เพราะเชื่อว่าทุกการเปลี่ยนผ่านล้วนเป็นภาพความทรงจำที่ดี และเป็นโอกาสที่จะได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบันในขณะที่วงการละครไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก แต่ผู้จัดรุ่นพี่อย่าง อ้อม พิยดา ก็ยังคงมองโลกในแง่ดี และพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเนื้อหาและกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน รวมถึงการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของตนเองสามารถดำเนินต่อไปได้ท่ามกลางวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น
ภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย ก้าวสู่เวทีโลก ดันเศรษฐกิจสีชมพูบูม

ภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย กำลังก้าวสู่ความสำเร็จระดับโลก

งาน Thailand International LGBTQ+ Film & TV Festival 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ที่สยามพารากอน ไม่เพียงแค่เป็นการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ แต่ยังเป็นการประกาศศักดาของภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทยในเวทีโลก และตอกย้ำบทบาทของกรุงเทพฯ ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูของเอเชีย

ภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลก

ความสำเร็จของภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทยบนเวทีโลก

ธนะชัย กุลสมบูรณ์สินธ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Canvas Ventures International ชี้ให้เห็นความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยอย่าง "วิมานหนาม" ที่ไปไกลถึงเทศกาลหนังเมืองคานส์ และยังได้ถูกนำไปฉายบน Netflix และ Amazon Prime เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภาพยนตร์ไทยที่สามารถเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก ซึ่งถือเป็นโอกาสทองสำหรับกรุงเทพฯ ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูในเอเชีย เนื่องจากสามารถดึงดูดนักลงทุนและผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์จากทั่วโลกมาร่วมงานธนะชัยยังยกตัวอย่างภาพยนตร์ LGBTQ+ ที่ประสบความสำเร็จอย่าง "เพื่อน..กูรักมึงว่ะ" และ "มะลิลา" ที่ได้รับการยอมรับในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ และได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลระดับโลก รวมถึงได้ถูกนำไปฉายบนแพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลก สะท้อนถึงคุณภาพของคนทำหนังไทย

ตลาดความบันเทิง LGBTQ+ ในเอเชียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ธนะชัยกล่าวว่า ปัจุบันตลาดความบันเทิง LGBTQ+ ในเอเชียมีมูลค่ากว่า 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเติบโตขึ้น 7% ทุกปี ซึ่งพบว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีตลาดที่โตเร็วที่สุด นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสทองสำหรับนักลงทุน และคนทำภาพยนตร์ด้านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix และ Amazon Prime ได้มีการลงทุนกว่า 100 ล้านเหรียญฯ ในคอนเทนต์ LGBTQ+ ของเอเชียในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางสำคัญให้คนทำหนังไทยหารายได้และเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก

ไทยสู่การเป็นผู้นำภาพยนตร์ LGBTQ+ ในระดับโลก

ธนะชัยระบุว่า หากต้องการให้ไทยเป็นผู้นำในการสร้างภาพยนตร์ LGBTQ+ ต้องสร้างภาพยนตร์ที่มีคุณภาพ สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก และตอบโจทย์เทรนด์ในปัจจุบัน ได้แก่1. กระแส Woke: ภาพยนตร์ LGBTQ+ กำลังพูดถึงประเด็นสังคมมากขึ้น เช่น เรื่องราวของคนข้ามเพศ หรือกลุ่มคนที่เป็นชนกลุ่มน้อย ทำให้สามารถดึงดูดผู้ชมและนักลงทุนที่ใส่ใจประเด็นสังคม2. ตัวละครหลากมิติ: ภาพยนตร์ควรนำเสนอตัวละครที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เพศสภาพ อายุ และภูมิหลัง เพื่อให้ผู้ชมเข้าถึงและเชื่อมโยงกับตัวละครได้มากขึ้น3. ร่วมมือกับต่างชาติ: การร่วมมือกับผู้สร้างจากต่างประเทศช่วยยกระดับหนังไทย และเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และขยายเครือข่าย4. ใช้เทคโนโลยี: VR และ AR สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ชม

กรุงเทพฯ สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูในเอเชีย

ธนะชัยมองว่า กรุงเทพฯ ต้องสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อธุรกิจและผู้ประกอบการ LGBTQ+ ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือกับต่างชาติ รวมถึงดึงดูดนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสในตลาดบันเทิงที่กำลังเติบโตเทศกาล LGBTQ+ Film & TV 2024 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นพลังของภาพยนตร์ LGBTQ+ ไทย และธนะชัยระบุว่า ตั้งใจจะใช้ความสำเร็จนี้ในการดึงดูดนักลงทุนและสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีชมพูในเอเชียแปซิฟิก
See More
“เกรซ พัชร์สิตา” เผยเบื้องหลังละคร “มรกตสีรุ้ง” สนุกท้าทายได้พลิกคาแรกเตอร์ | daradaily

ความท้าทายและความสนุกสนานในการพลิกบทบาทของ "เกรซ พัชร์สิตา" ในละคร "มรกตสีรุ้ง"

นอกจากจะได้เห็นบทบาทฟาดแรงของ "เกรซ พัชร์สิตา" ในละคร พีเรียดดราม่า "รอยรักรอยบาป" ทุกวันจันทร์ตอนนี้ นางเอกสาวคนนี้ก็มีผลงานละครแอ็กชั่นผจญภัยเรื่อง "มรกตสีรุ้ง" ออกอากาศ โดยเธอได้รับบทบาทของ "ม่านทอง" หญิงสาวสูงศักดิ์ที่พลัดบ้านเกิดเมืองนอน มาเป็นสาวชาวป่าและต้องต่อสู้ชีวิตสุดๆ

ความท้าทายและความสนุกสนานที่รอคอยแฟนละคร

การพลิกบทบาทของ "เกรซ พัชร์สิตา"

เกรซ พัชร์สิตา เผยว่า การรับบทบาท "ม่านทอง" ในละคร "มรกตสีรุ้ง" เป็นบทบาทที่ท้าทายและสนุกสนานมาก ตั้งแต่เด็ก ม่านทองได้เห็นแม่ถูกฆ่าตาย จึงต้องออกมาจากบ้านและมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านในป่า พร้อมกับมีมงกุฎ ที่เป็นเหมือนมรดกของครอบครัว แต่ก็มาถูกขโมยไปอีก ทำให้ต้องออกตามหาและกลายเป็นต้องมาร่วมทางกับทุกคน ม่านทองจะต้องสู้ชีวิตพอสมควร เป็นคนไม่กลัวใครนะ ต่อยมาต่อยกลับ เรียกว่าใช้ชีวิตแบบสมบุกสมบัน แม้ว่าการบู๊ของเกรซจะไม่ได้หนักเหมือนเรื่องก่อนๆ แต่ก็จะมีบู๊บ้าง รวมถึงความพิเศษของละครเรื่องนี้ คือการที่ตัวละครจะมีพลังวิเศษ ที่เราจะต้องใช้จินตนาการในการแสดงร่วม ดังนั้นถือว่าเกรซได้พลิกคาแรกเตอร์ต่างไปจากละครเรื่องที่ผ่านมามากทีเดียว ถือว่าเป็นบทที่ท้าทาย

บรรยากาศการทำงานที่คึกคักสนุกสนาน

ในส่วนของเบื้องหลังการทำงาน เกรซ เผยว่า กองนี้คึกคักสนุกมาก เพราะทุกคนในกองสนิทกัน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำการบ้านหนักเลย คือเรื่องของสมาธิ บางทีเข้าฉากกันเป็นสิบคน ต้องมีสมาธิมากๆ เลย เพราะเกรซเป็นคนหัวเราะง่าย แต่ทุกคนก็ช่วยกันรักษาสมาธิเพื่อให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น

เชิญชวนแฟนละครติดตามความสนุกสนาน

เกรซ ชวนให้ทุกคนติดตามละคร "มรกตสีรุ้ง" นะคะ มาผจญภัย มาลุ้นไปกับการแก้ไขอุปสรรคที่เข้ามา ซึ่งเป็นอุปสรรคที่คาดเดาไม่ได้ ต้องลุ้นไปด้วยกัน กว่าจะไปเจอมรกตสีรุ้ง คือมีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะมาก เชื่อว่าแฟนละครที่ชอบการผจญภัยจะสนุกไปกับละครเรื่องนี้แน่นอน รวมถึงในละคร ก็มีความครบรส ทั้งดราม่าแอ็กชั่น โรแมนติก แฟนตาซี มีคอเมดี้ด้วย ไม่อยากให้พลาด
See More