ไทยจับมืออินเดียจัดเทศกาลภาพยนตร์ในมุมไบ สร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดกองถ่ายภาพยนตร์อินเดียมาไทย

การจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ไทยในเมืองมุมไบ เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของไทยและอินเดีย โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม Soft Power ของไทย และแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีผู้บริโภคภาพยนตร์จำนวนมาก

เชิญชวนกองถ่ายภาพยนตร์อินเดียมาไทย สร้างรายได้และเผยแพร่วัฒนธรรมไทย

ความร่วมมือจัดเทศกาลภาพยนตร์ไทยในมุมไบ

การจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ไทย 2024 ณ เมืองมุมไบ เป็นความร่วมมือระหว่างสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และ National Film Development Cooperation (NFDC) ภายใต้ Film Division กระทรวงสารสนเทศและการกระจายเสียง สาธารณรัฐอินเดีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม Soft Power ของไทย และแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีผู้บริโภคภาพยนตร์จำนวนมาก การจัดงานเทศกาลในครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้ผู้แทนหน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และประชาชนชาวอินเดีย ได้รับรู้และเข้าใจถึงความสามารถและความโดดเด่นของภาพยนตร์ไทย

ตลาดภาพยนตร์อินเดียเป็นโอกาสสำคัญ

ตลาดภาพยนตร์ของอินเดียเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีผู้บริโภคภาพยนตร์ ซีรีส์ และสื่อบันเทิงจำนวนมาก ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย จากสถิติการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ในปี 2567 เดือนมกราคม – สิงหาคม พบว่า ภาพยนตร์จากสาธารณรัฐอินเดียเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยจำนวน 35 เรื่อง มีเงินลงทุนถ่ายทำมากกว่า 265 ล้านบาท อยู่ในอันดับ 2 ของจำนวนภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจและความต้องการของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียในการเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย

มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย

กรมการท่องเที่ยวได้เตรียมมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย โดยเฉพาะมาตรการ Incentive ในรูปแบบการคืนเงินร้อยละ 15 – 20 ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจสำคัญในการตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ กรมการท่องเที่ยวหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีกองถ่ายทำภาพยนตร์จากสาธารณรัฐอินเดียเดินทางเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ สร้างงานให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และเผยแพร่วัฒนธรรม Soft Power ของประเทศไทยไปสู่สายตาผู้ชมภาพยนตร์ และเกิดการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์

ละครเพลงการกุศล "พิกุลแก้ว: เสียงเพลงแห่งความทรงจำ" ฉลอง 120 ปี โรงเรียนราชินี

ชมรมนักเรียนเก่าราชินีร่วมฉลองวาระ 120 ปีแห่งการก่อตั้งโรงเรียนราชินี ด้วยการจัดแสดงละครเพลงการกุศล "พิกุลแก้ว: เสียงเพลงแห่งความทรงจำ" ซึ่งเป็นการรวบรวมเรื่องราวและความทรงจำของนักเรียนราชินีในแต่ละยุคสมัย เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าของโรงเรียนแห่งนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและซาบซึ้ง

ละครเพลงที่ส่งเสียงสะท้อนประวัติศาสตร์การศึกษาไทย

ย้อนรอยประวัติศาสตร์การศึกษาไทย

ละครเพลง "พิกุลแก้ว: เสียงเพลงแห่งความทรงจำ" ไม่เพียงแต่จะเล่าเรื่องราวของโรงเรียนราชินีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพระราชปณิธานด้านการศึกษาของพระมหากษัตริย์ในสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 อีกด้วย โดยเฉพาะการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาในการปฏิรูปประเทศให้ทัดเทียมกับตะวันตก และการที่สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเน้นบทบาทในการพัฒนาโรงเรียนสำหรับสตรี จนได้ทรงพระราชทานกำเนิดโรงเรียนราชินีขึ้นในปี 2447 นั้น ล้วนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับการศึกษาของสตรีไทยในอดีต

ชีวิตในรั้วโรงเรียนราชินี

ละครเพลง "พิกุลแก้ว: เสียงเพลงแห่งความทรงจำ" จะเล่าเรื่องราวของ "พิกุล" ผ่านมุมมองของ "เด็กหญิงพิมพ์ใจ" ซึ่งเป็นนักเรียนราชินีที่เบื่อหน่ายกับระเบียบวินัยและวิถีชีวิตในโรงเรียน และ "เด็กชายศรุต" นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ที่หลงเดินทางข้ามเวลาไปกับพิมพ์ใจ เพื่อค้นหาความหมายของชีวิตในรั้วโรงเรียน ผู้ชมจะได้ชมการแสดงที่สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์และความทรงจำของนักเรียนราชินีในแต่ละยุคสมัย ตั้งแต่รุ่นแรกๆ จนถึงรุ่นปัจจุบัน

การแสดงที่ยิ่งใหญ่และสร้างสรรค์

ละครเพลง "พิกุลแก้ว: เสียงเพลงแห่งความทรงจำ" เป็นการแสดงที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยทีมงานชั้นนำ ทั้งในด้านการแต่งบท การกำกับการแสดง และการประพันธ์ดนตรี โดยมีศิลปินรับเชิญที่มีชื่อเสียงมาร่วมแสดง อาทิ โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์, ตรีรัก รักการดี, รวมพร เกตุทัต, นาเดีย โสณกุล ณ อยุธยา, อภิสรา เกิดชูชื่น, แอนนิต้า ศรุชา พงศ์ทรงกุล, ธนิษฐา ลิ้มวงษ์ทอง, สุธิดา ลิ้มวงษ์ทอง และ ทิชา อภัยวงศ์ ซึ่งจะมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวอันน่าประทับใจเหล่านี้ให้ผู้ชมได้ซาบซึ้งและเก็บบันทึกความทรงจำไว้ในใจตลอดไป