บริษัทอารักษ์ แอนิมัล เฮลท์แคร์ ขยายสาขาทั่วประเทศ สร้างศูนย์การแพทย์สัตว์ครบวงจรรูปแบบแฟลกชิพแห่งแรก

บริษัท อารักษ์ แอนิมัล เฮลท์แคร์ จำกัด ภายใต้การนำของ สพ.ญ.ทัศวรินทร์ กาญจนฉายา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง พร้อมเดินหน้าขยายสาขาโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ไปทั่วประเทศ โดยเพิ่งลงทุนกว่า 100 ล้านบาทเปิดตัวสาขาแฟลกชิพแห่งแรกในย่านทองหล่อ ที่มุ่งสร้างศูนย์การแพทย์สัตว์ครบวงจรแห่งใหม่ เพื่อตอบรับความต้องการของเหล่า Pet Parents ที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน

ลุยเปิดตัวสาขาแฟลกชิพ พร้อมชู Referral Center สัตว์เลี้ยงครบวงจร

ก้าวกระโดดสู่การเป็นผู้นำในตลาดดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง

บริษัท อารักษ์ แอนิมัล เฮลท์แคร์ จำกัด ภายใต้การนำของ สพ.ญ.ทัศวรินทร์ กาญจนฉายา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง มีเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจรทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้เพิ่งลงทุนกว่า 100 ล้านบาทเพื่อเปิดตัวสาขาแฟลกชิพแห่งแรกในย่านทองหล่อ ภายใต้แบรนด์ "โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์" สาขาแฟลกชิพแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็น "Referral Center" หรือศูนย์ส่งต่อสัตว์เลี้ยงที่ครบวงจร โดยจะมีการรวมบริการทางการแพทย์ (Medical) และบริการด้านการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง (Non-Medical) ไว้ในที่เดียวกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีเพิ่มมากขึ้น

ย่านทองหล่อ ทำเลที่มีศักยภาพสำหรับสาขาแฟลกชิพ

การตัดสินใจเลือกเปิดสาขาแฟลกชิพแห่งแรกที่ย่านทองหล่อ เนื่องจากพื้นที่นี้มีศักยภาพสูงในด้านการเป็น "Pet Friendly Area" โดยมีอพาร์ทเม้นต์ คอนโดมิเนียม และร้านอาหารที่เปิดพื้นที่ให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันก็ยังมีโรงพยาบาลสัตว์และคลินิกสัตว์เลี้ยงไม่เยอะนัก ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทอารักษ์ฯ จะสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีการรักษาและตรวจสุขภาพครบวงจร

บริษัทอารักษ์ฯ ได้รับทราบถึงความต้องการของกลุ่ม Pet Parents ที่อยากให้สัตว์เลี้ยงได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้มีการลงทุนในเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย อาทิ 3D Echocardiogram ที่สามารถตรวจหัวใจสัตว์เลี้ยงแบบ 3 มิติ, CT Scan ที่สามารถถ่ายภาพอวัยวะภายในแบบ 3 มิติ, Slit Lamp ที่จะช่วยให้การตรวจตามีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเครื่อง Phacoemulsification ที่ใช้ในการผ่าตัดสลายต้อกระจก โดยใช้งบลงทุนในส่วนนี้กว่า 60 ล้านบาทนอกจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีการตรวจรักษาแล้ว ทางบริษัทยังมุ่งเน้นการให้บริการแบบครบวงจร ทั้งในส่วนที่เป็น Medical ซึ่งให้การรักษาและดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงโดยแพทย์เฉพาะทาง และ Non-Medical ที่มีบริการหลากหลายอย่างเช่น Pet Hotel, Daycare และ Pet Salon เป็นต้น เพื่อเป็นจุดหมายเดียวครบสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง

มุ่งสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง

เพื่อให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้นำในธุรกิจการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร บริษัทอารักษ์ฯ จึงได้วางกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยใช้ทั้งการจัดแคมเปญทางการตลาด ออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการสร้างพันธมิตรกับคณะสัตวแพทย์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อดึงดูดให้บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานกับบริษัททั้งนี้ ภายในปี 2567 บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 แห่ง รวมถึงมีแผนขยายการดำเนินงานไปยังธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง (Pet Healthcare) เพื่อขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำของธุรกิจการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงในระดับประเทศและภูมิภาคต่อไป

ดูแลปัจจัยช่วยรักษาจิตใจ เพื่อร่างกายสัตว์เลี้ยงแข็งแรงยาวนานในปัจจุบัน การให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วิธีการดูแลสัตว์เลี้ยงมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นสำหรับอาหาร อุปกรณ์ และการรักษาพยาบาล รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า และบริการรับฝากสัตว์ และคลินิกสัตว์เลี้ยง

คุณภาพมากกว่าราคา คือหัวใจสำคัญของการดูแลสัตว์เลี้ยง

เลือกตำแหน่งที่ตั้งอย่างรอบคอบ ย่อมเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า

โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์มีสาขาในพื้นที่ศักยภาพ ท่ามกลางคอนโดมิเนียม ร้านอาหาร และศูนย์การค้าที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง อาทิ หลังสวน ทองหล่อ เชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ตั้งที่สะดวกสบายสำหรับผู้เลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ที่เพชรเกษมในปี 2567 และอีกหนึ่งสาขาในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อขยายการให้บริการครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น

สร้างบรรยากาศโรงพยาบาลที่ไม่เหมือนใคร เพื่อความผ่อนคลาย

โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์มีการออกแบบภายในที่สวยงาม ไม่เหมือนกับโรงพยาบาลสัตว์ทั่วไป โดยมุ่งเน้นการสร้างพื้นที่ที่ช่วยให้ทั้งสัตว์และเจ้าของรู้สึกผ่อนคลาย เช่น การใช้พื้นยางหรือกระเบื้องกันลื่น การแยกโซนระหว่างสุนัขและแมว การใช้ประตูสองชั้นเพื่อความปลอดภัย และการจัดวางห้องผ่าตัดและห้องตรวจให้อยู่ในโซนเดียวกัน ทั้งนี้ การออกแบบแต่ละแห่งจะคำนึงถึงความปลอดภัยของสัตว์เป็นอันดับแรก

บุคลากรที่เข้าใจสัตว์และเจ้าของ จะสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า

ทีมสัตวแพทย์ของโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ไม่เพียงมีความรู้ความสามารถในการรักษาเท่านั้น แต่ยังต้องมีความเข้าใจในจิตใจของเจ้าของสัตว์เลี้ยงด้วย เพราะการรักษาดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลจิตใจเจ้าของให้มีความอุ่นใจและเชื่อมั่นว่าสัตว์เลี้ยงจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์และได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์ของไทย

การกำหนดราคาที่ย่อมเยาให้เข้าถึงได้ง่าย

โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้า premium mass ด้วยการตั้งราคาบริการที่จับต้องได้ โดยมีราคา health check แบบละเอียด 2,900 บาท ค่าอาบน้ำสัตว์เริ่มต้นที่ 700 บาท และค่าห้องพักที่สัตว์เลี้ยงและเจ้าของสามารถพักร่วมกันได้ในราคา 2,500 บาทต่อคืน ส่งผลให้ในปัจจุบันสามารถดูแลลูกค้าไปแล้วกว่า 2,500 ครัวเรือน และตั้งเป้าหมายว่าหลังจากขยายสาขาเพิ่มจะสามารถเพิ่มจำนวนถึง 12,000 ครัวเรือน

ให้บริการทุกความต้องการของผู้เลี้ยงสัตว์ภายใต้หลังคาเดียว

นอกเหนือจากการบริการด้านการรักษาพยาบาลทางการแพทย์โดยสัตวแพทย์เฉพาะทาง โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ยังมีบริการอื่น ๆ ที่ครอบคลุมความต้องการของผู้เลี้ยงสัตว์เป็นอย่างดี อาทิ บริการโรงแรมที่พักสำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet Hotel) บริการดูแลสัตว์เลี้ยงระหว่างวัน (Daycare) บริการอาบน้ำตัดขน (Pet Salon) บริการดูแลพิเศษ (Pet Private Care) บริการสระว่ายน้ำ (Pet Pool) และบริการสวนออกกำลังกาย (Pet Park) ซึ่งสาขาทองหล่อของโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์จะเป็นศูนย์กลางของการบริการเหล่านี้ และยังเป็นศูนย์ส่งต่อสำหรับโรงพยาบาลสัตว์อื่น ๆ ทั่วไป

การขาดแคลนสัตวแพทย์ไม่ใช่อุปสรรคที่เอาชนะไม่ได้

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีคลินิกและโรงพยาบาลสัตว์เปิดใหม่เฉลี่ยปีละกว่า 700 แห่ง แต่กลับพบปัญหาการขาดแคลนสัตวแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ซึ่งมีเพียง 11 แห่งเท่านั้น ทำให้ในแต่ละปีมีสัตวแพทย์ใหม่ไม่เกิน 1,000 คน อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ได้แก้ไขปัญหานี้โดยการสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนธุรกิจสัตว์เลี้ยงในประเทศ

เปิดโลกแห่งความพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่ Pet Us

เปิดพื้นที่ส่งต่อความรักให้สัตว์เลี้ยง กับ "Pet Us พันธุ์ทาง พันธุ์เท่"

Pet Us (เพ็ทอัส) ธุรกิจเพื่อสัตว์เลี้ยงครบวงจรภายใต้แบรนด์ "โลตัส" จับมือพันธมิตรที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ จัดกิจกรรมพิเศษ "Pet Us พันธุ์ทาง พันธุ์เท่" เพื่อตอกย้ำจุดยืนในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจเพื่อสัตว์เลี้ยง พร้อมร่วมสนับสนุนองค์กรการกุศลที่ทำงานช่วยเหลือสัตว์เลี้ยง ส่งเสริมคอมมูนิตี้คนรักสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่แห่งความสุขและโอกาสปันน้ำใจให้สัตว์เลี้ยง

เพ็ทอัส จับมือพันธมิตรสู่เป้าหมายร่วม

Pet Us ร่วมมือกับแบรนด์อาหารสัตว์ชั้นนำในการจัดกิจกรรม "Pet Us พันธุ์ทาง พันธุ์เท่" เพื่อให้ผู้บริโภคและผู้รักสัตว์ได้มีส่วนร่วมสัมผัสประสบการณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การบริการฉีดวัคซีนฟรีแก่สัตว์เลี้ยง การบริการตัดขนสุนัข และการจัดหาบ้านให้กับน้องหมาและน้องแมวที่ไร้ที่พัก นอกจากนี้ ยังมีการจัดจำหน่ายสินค้าสัตว์เลี้ยงในราคาพิเศษจากพันธมิตรแบรนด์ดัง เพื่อให้ผู้รักสัตว์เลี้ยงได้มีโอกาสบริจาคอาหารและอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือมูลนิธิสงเคราะห์สัตว์เลี้ยงทั่วประเทศ

พื้นที่แห่งการแบ่งปันและสร้างแรงบันดาลใจ

นอกเหนือจากกิจกรรมสนับสนุนการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่หลากหลาย "Pet Us พันธุ์ทาง พันธุ์เท่" ยังเป็นพื้นที่อันทรงคุณค่าสำหรับการแบ่งปันและสร้างแรงบันดาลใจเพื่อสัตว์เลี้ยง โดยเชิญชวน 2 อินฟลูเอนเซอร์ที่มีใจรักสัตว์เลี้ยง "บูม เทยกะทะ" และ "คุณแอ๊ดดี้ เทพบุตรหมาจรจัด" มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม เพื่อมอบความสนุกสนาน และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ร่วมงานที่รักและห่วงใยสัตว์เลี้ยง ผ่านการพูดคุยอย่างใกล้ชิดและแลกเปลี่ยนมุมมอง

จุดหมายสุดท้ายของทุกน้ำใจผู้รักสัตว์เลี้ยง

กิจกรรม "Pet Us พันธุ์ทาง พันธุ์เท่" ยังให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผ่านการส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับมูลนิธิสงเคราะห์สัตว์เลี้ยง ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยให้ผู้มาร่วมงานซื้อสินค้าในราคาพิเศษจากพันธมิตรแบรนด์ที่ร่วมสนับสนุน เพื่อนำเงินส่วนต่างไปบริจาคเป็นอาหารและอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงให้กับมูลนิธิฯ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันในการดูแลและช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงต่อไป