หนังไทยที่ใช้คำหยาบ: ความสมจริงหรือความขาดความรับผิดชอบต่อสังคม?

สื่อออนไลน์และสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่ใช้คำหยาบโจ่งแจ้ง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารมวลชนแนะให้ผู้สร้างสำนึกถึงความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งให้ครอบครัวและผู้ชมรู้เท่าทันสื่อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเหมาะสม

ภาพยนตร์ไทยต้องสมจริง แต่ต้องระมัดระวังการใช้คำพูด

ความสมจริงก่อให้เกิดความสนุกสนานแต่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

แม้ว่าภาพยนตร์จะมุ่งสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารมวลชนเตือนว่า ผู้ผลิตสื่อจะต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย การนำเสนอเนื้อหาที่มีความสมจริง อาจช่วยสร้างความสนุกสนานให้ผู้ชมได้อย่างดี แต่หากมีการใช้คำหยาบคายมากเกินไป ก็อาจส่งผลกระทบต่อผู้ชม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อาจมองว่าการใช้คำลามกเป็นเรื่องปกติ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้คำเช่นนั้น และมุ่งเน้นการสร้างสรรค์เนื้อหาที่สื่อถึงคุณธรรมจริยธรรมควบคู่ไปด้วย

การใช้คำหยาบในภาพยนตร์เป็นความเคยชินที่ต้องแก้ไข

ผศ.วาลี ปรีชาปัญญากุล ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารมวลชน มองว่าการใช้คำหยาบในภาพยนตร์และสื่ออื่นๆ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมานาน จนกลายเป็นความเคยชิน ซึ่งเป็นผลจากการที่สังคมไม่ได้ให้ความสำคัญหรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างจริงจัง จึงทำให้ผู้ผลิตสื่อมองว่าการใช้คำหยาบเป็นเรื่องปกติ และผลิตออกมาซ้ำๆ นอกจากนี้ การขาดการควบคุมจากภาครัฐอย่างเข้มข้น ก็ทำให้การใช้คำหยาบในสื่อเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ผู้ผลิตสื่อจึงต้องมีความรับผิดชอบในการควบคุมและคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมมากขึ้น

ผู้รับสารต้องสร้างภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันสื่อ

นอกจากผู้ผลิตสื่อแล้ว ผศ.วาลี ยังเน้นว่า ผู้รับสารเองก็มีบทบาทสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อรู้เท่าทันเนื้อหาที่ปรากฏในสื่อ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่มักจะมองว่าสื่อเป็นแบบอย่างของสังคม ซึ่งอาจทำให้พวกเขาเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จึงต้องให้ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างที่ดี และช่วยกันสอนให้เด็กและเยาวชนมีทักษะการคิดวิเคราะห์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเนื้อหาในสื่อที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ แม้จะมีการจัดเรตติ้งภาพยนตร์ แต่ก็อาจไม่ได้ช่วยป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม หากไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง

เรตติ้งเย็นนี้ร้อนเป็นไฟ: ความเปิดเผยของการแข่งขันในโลกละครเย็น

ระทึกระตะ ละครเย็นสามเส้า บัง-พรหมลิขิต สมรภูมิรบกว่าใคร

วงการละครเย็นของไทยจุดร้อนจัด เมื่อสามช่องยักษ์ใหญ่ โดย ช่องวัน, ช่องไทยทีวีสีช่อง 3 และช่องสามพบกัน ในเวลาเดียวกัน นำเสนอละครเย็น 3 เรื่องสุดเข้มข้น เต็มไปด้วยเนื้อหาครบรสและเรตติ้งน่าจับตามอง เป็นการชิงตำแหน่งเจ้าตลาดละครเย็นอย่างเข้มข้นและน่าติดตาม

ใครจะเป็นใหญ่ในวงการละครเย็น? ศึกนี้ต้องจับตา!

ดาวรุ่งจากช่องวัน "มนต์รักแม่กลอง" ยังรักษาแชมป์ได้หรือไม่?

ช่องวัน มือใหม่ในวงการละครเย็น แต่กลับสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ด้วยละครเรื่อง "มนต์รักแม่กลอง" ซึ่งมีเรตติ้งถึง 4.8 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยเรื่องราวของ "มนต์รักแม่กลอง" นั้นเล่าถึงการต่อสู้ของแม่กับลูกชายเพื่อหนีความยากจน ด้วยการใช้ความสามารถทางการร้องเพลงของลูกชาย ซึ่งได้รับบทบาทโดย "กัน นภัทร" นักแสดงดาวรุ่งที่โด่งดัง และ "แพรว เฌอมาวีร์" ในบทบาทของนางเอก ซึ่งก็ได้รับการชื่นชมจากผู้ชมเป็นอย่างมาก

ช่องไทยทีวีสี ช่อง 3 ส่ง "ดุจเล่ห์ดาวลวง" ลุยตลาดละครเย็น

ด้าน ช่องไทยทีวีสี ช่อง 3 ก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดยได้ส่ง "ดุจเล่ห์ดาวลวง" ลงสนามต่อสู้ในตลาดละครเย็น โดยได้นำนักแสดงดาวรุ่งอย่าง "ไต้ฝุ่น ตาก เพชร" และ "มิ้นชิ เสฏฐนันท์" มาประชันบทบาทเป็นคู่พระ-นาง ซึ่งนอกจากจะมีฉากต่อสู้เข้มข้น และซับซ้อนแล้ว ยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ทำให้ "ดุจเล่ห์ดาวลวง" มีเรตติ้งอยู่ที่ 3.4 ซึ่งถือว่าน่าพอใจพอสมควร

วิกสามเปิดศึกรอบใหม่ด้วย "เลือดเจ้าพระยา"

ในขณะที่ วิกสาม ก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดยได้นำ "เลือดเจ้าพระยา" มาลุยตลาดละครเย็น โดยได้นำทีมนักแสดงอย่าง "บูม สุภาพร", "เด่นคุณ งามเนตร", "ป๊อป ฐากูร", "น้ำฟ้า ธัญญภัสร์" มาประชันความดุเดือด ทำให้ "เลือดเจ้าพระยา" มีเรตติ้งอยู่ที่ 2.5 ซึ่งถือว่าน่าพอใจเช่นกันดังนั้น จะเห็นได้ว่า การแข่งขันในตลาดละครเย็นของทั้งสามช่องนั้น ยังคงดุเดือดอย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละช่องได้นำเสนอผลงานที่มีคุณภาพ และมีเรตติ้งที่น่าพอใจ ซึ่งจะเป็นการชิงความเป็นใหญ่ในวงการละครเย็นอย่างสนุกสนาน และน่าติดตาม