การเดินทางของคบเพลิงพาราลิมปิก: สู่การต้อนรับความยิ่งใหญ่ในปารีส

การจุดขึ้นของเปลวไฟพาราลิมปิก 2024 เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สะท้อนถึงความหวังและความมุ่งมั่นของนักกีฬาพาราลิมปิกทั่วโลก สองนักกีฬาพาราลิมปิกชาวอังกฤษทำหน้าที่จุดไฟการแข่งขัน โดยเปลวไฟจะเดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อเตรียมพิธีเปิดที่ย่ิงใหญ่ในวันที่ 28 สิงหาคม 2567

ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่บนเวทีโลก

การจุดเปลวไฟในพิธีเฉลิมฉลอง

พิธีจุดคบเพลิง Paralympic Heritage Flame จัดขึ้นที่เมืองสโต๊ค แมนเดวิลล์ บัคกิงแฮมเชียร์ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่กำเนิดการแข่งขันพาราลิมปิก โดยมี เฮเลน เรย์นสฟอร์ด และ เกรกอร์ อีวาน ทั้งสองเป็นนักกีฬาพาราลิมปิกชาวอังกฤษที่ร่วมจุดไฟการแข่งขัน พร้อมด้วย แอนดรูว์ พาร์สันส์ ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกสากล และ โทนี่ เอสตองเกต์ ประธานคณะกรรมการจัดงานปารีส 2024 ร่วมพิธี การจุดเปลวไฟในพิธีครั้งนี้เป็นการเปิดประตูสู่ความยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปารีสเกมส์ 2024

การเดินทางของเปลวไฟสู่ฝรั่งเศส

หลังจากจุดไฟในเมืองสโต๊ค แมนเดวิลล์ เปลวไฟจะเดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศส โดยผ่านช่องแคบอังกฤษ ในระหว่างการเดินทาง 4 วัน เปลวไฟจะมาถึงฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก และเดินทางไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ผ่านเทือกเขาพิเรนีสและเทือกเขาแอลป์ นักกีฬาพาราลิมปิกชาวอังกฤษ 24 คน จะเป็นผู้ถือคบเพลิงระหว่างการเดินทาง และจะมอบเปลวไฟให้นักกีฬาพาราลิมปิกชาวฝรั่งเศส 24 คน ที่เมืองกาเลส

การกระจายคบเพลิงสู่ทั่วประเทศฝรั่งเศส

หลังจากถึงฝรั่งเศส เปลวไฟจะถูกนำไปจุดในกระถางคบเพลิง 12 ดวง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขัน 11 วันและพิธีเปิดการแข่งขัน จากนั้นเปลวไฟจะถูกกระจายไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศฝรั่งเศส เพื่อให้ประชาชนประมาณ 1,200 คนจากกว่า 50 เมือง ได้มาร่วมจุดคบเพลิงและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับความสำเร็จของการแข่งขันพาราลิมปิกที่ปารีส

พิธีเปิดอย่างสง่างาม

เปลวไฟจะถูกนำมาจุดในกระถางคบเพลิงใหญ่ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024 ในวันที่ 28 สิงหาคม 2567 ที่ปลาซ เดอ ลา กงกอร์ด และถนนฌ็อง เซลิเซ่ พิธีเปิดจะเป็นการต้อนรับนักกีฬาและแฟนกีฬาจากทั่วโลกสู่การแข่งขันที่มีความหมายและความสำคัญเหนือกาลเวลา

การแข่งขันรักบี้ฟุตบอล 15 คน ทหาร-ตำรวจพลเรือน เพื่อสภากาชาดไทย

ในวันที่ผ่านมา สภากาชาดไทย โดยสำนักงานจัดหารายได้ ได้ร่วมกับสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการแข่งขันรักบี้ฟุตบอล 15 คน ประเพณี ทหาร-ตำรวจพลเรือน เพื่อสภากาชาดไทย ที่สนามกีฬาศุภชลาศัย โดยมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลสมทบทุนโครงการ "เงินทุนฉุกเฉิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติสภากาชาดไทย"

นำทัพสู่ชัยชนะเพื่อสภากาชาด

การแสดงสุดพิเศษก่อนการแข่งขัน

ก่อนการแข่งขันเริ่มขึ้น มีการจัดการแสดงพิเศษหลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างความสนใจและเพิ่มสีสันให้กับงาน ได้แก่ โชว์การฝึกซ้อมของทีมรักบี้ 7 คนทีมชาติไทย ที่เตรียมไปแข่งรักบี้เอเชียซีรีส์ และการแสดงดนตรีสากลจากสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมแขกรับเชิญพิเศษ "ปั่น" ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว, "สปาย Golden Song" ภาสกรณ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ และ "ครูเต่า" ภราดร เพ็งศิริ

พิธีเปิดการแข่งขัน

ในส่วนของพิธีเปิดการแข่งขันได้รับเกียรติจาก พล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. และประธานที่ปรึกษาสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธี โดยมี พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายกสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ ขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย ร่วมในพิธีด้วย

ความผูกพันและคู่แข่งที่น่าจับตามอง

ทีมทหารรวมเป็นแชมป์เก่า 2 สมัยติดต่อกัน และพร้อมที่จะปกป้องความเป็นแชมป์ด้วยการจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดนำโดย ร.อ.ธนวัตร แจ่มกระจ่าง, อส.ทพ.ลัคธพล ล้อมงคล, อส.ทพ.ภูรีพงษ์ วชิรบรรจง, จ.อ.ภานุพงศ์ พ่วงพันธุ์ ขณะที่ ตำรวจพลเรือน ก็ไม่น้อยหน้า โดยมีแกนหลักชุดแชมป์สโมสรนำทัพ ได้แก่ ร.ต.ท.พิชญ์พงษ์ พลายบัว และ ร.ต.ท.วุฒิพงษ์ สกุลเทียนทอง

การแข่งขันนัดดังกล่าว

เริ่มเกมมาเป็นทางทีมทหารที่ได้จังหวะบุกเข้าใส่ก่อน แต่ก็ยังไม่สามารถหลุดเข้าไปวางทรัยได้ จนเกมกลับมาเป็นของทีมตำรวจที่ขึ้นเกมจากแดนตัวเอง จนมาได้ลูกโทษกลางสนาม ซึ่ง ร.ต.ท.พิชญ์พงษ์ พลายบัว ใช้โอกาสนี้เตะเข้าประตูไปขึ้นนำ 3-0 จุด จากนั้น ทีมทหาร พยายามตั้งเกมเข้าสู้ แต่ก็พลาดเตะลูกออกมาเข้าทาง ร.ต.ท.พิชญ์พงษ์ ที่รอรับลูกกลางสนามแล้วเตะดรอปเข้าประตูไปแบบสุดสวยนำห่าง 6-0 จุด จากนั้น ร.ต.ท.พิชญ์พงษ์ ก็ยังโชว์ฝีเท้าดีและเตะเข้าไปอีกนำห่าง 9-0 จุด ต่อมาทีมตำรวจค่อยๆสานเกมรุกจนสามารถวางทรัยได้จาก จักรรินทร์ ศิริบรรจงกราน และ ร.ต.ท.พิชญ์พงษ์ เตะเปลี่ยนเข้าประตูไปได้อีก ทำให้นำห่าง 16-0 จุด ช่วงท้ายครึ่งแรก ทีมทหารเซตเกมขึ้นมาใหม่จนเข้าสู่หน้าเส้นทรัยได้ และเป็นทาง สเปน ปัญญาดี ที่เข้าไปวางทรัยได้ แต่ก็เตะเปลี่ยนไม่เข้าทำให้ไล่มาเป็น 5-16 จุด

ครึ่งหลังสุดดุเดือด

ครึ่งหลังเริ่มต้นด้วยทีมตำรวจที่ยังคงนำเป็น 19-5 จุด จากการเตะโทษของ ร.ต.ท.พิชญ์พงษ์ ต่อมา ทีมทหารที่ดูแล้วจะไม่มีอะไรจะเสีย ก็พยายามเปิดหน้าแลกป้วนเปี้ยนเขตอันตรายแต่ก็ไม่สามารถวางทรัยได้ จนทีมตำรวจสามารถพลิกจากตั้งรับแล้วโต้กลับเป็นทาง อาชวิน กลีบแก้ว ที่เข้าไปวางทรัยและยังได้เตะเปลี่ยนเข้าไปนำห่าง 26-5 จุด ในนาทีสุดท้าย ทีมตำรวจมาเตะโทษเข้าไปอีกครั้ง ทำให้ชนะไป 29-5 จุด คว้าแชมป์ไปครอง