สุขภาพดี
โครงการ Healthy Organization Maharat Nakhonratchasima

โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสมดุลของสุขภาพ

โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ริเริ่มโครงการ "Healthy Organization Maharat Nakhonratchasima" เพื่อส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรภายในองค์กร โดยมุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และปลูกฝังความตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพในระยะยาว

สร้างวัฒนธรรมองค์กรด้านสุขภาพที่ยั่งยืน

ก้าวสู่องค์กรสุขภาพดี

โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้ริเริ่มโครงการ "Healthy Organization Maharat Nakhonratchasima" เพื่อพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรที่ส่งเสริมสุขภาพของบุคลากร โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการและแกนนำด้านการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อวางกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินงานในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพของบุคลากร อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมและโครงการต่างๆ ที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพของบุคลากรในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การส่งเสริมการออกกำลังกาย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และการสร้างความตระหนักเรื่องความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน

การมีส่วนร่วมของบุคลากร

การดำเนินโครงการ "Healthy Organization Maharat Nakhonratchasima" ได้เปิดโอกาสให้บุคลากรทุกระดับเข้ามามีส่วนร่วม ตั้งแต่การจัดตั้งคณะกรรมการและแกนนำด้านการส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ภายในโรงพยาบาล เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางและกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนโครงการฯ ให้บรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมและโครงการที่เปิดโอกาสให้บุคลากรได้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งช่วยสร้างความผูกพันและความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการฯ ส่งผลให้เกิดการยอมรับและปฏิบัติตามมากขึ้น

การสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก

โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมามีการประสานความร่วมมือกับเครือข่ายองค์กรภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมสุขภาพ อาทิ เครือข่ายคนไทยไร้พุง และราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้บุคลากรได้รับความรู้และทักษะในการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีจากหน่วยงานภายนอก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนของโครงการฯ
ผู้แทน WHO ชี้ ‘ไทย’ ยืนหนึ่งในภูมิภาค ประเมินผลกระทบสุขภาพด้วย ‘HIA’ ทุกระดับ
การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ: กุญแจสำคัญสู่เมืองสุขภาพดีภายใต้การดำเนินงานเพื่อพัฒนาสู่เมืองสุขภาพดีตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคที่มีการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสู่การสร้างเมืองและสังคมที่มีสุขภาพดี สอดคล้องกับแนวคิดเมืองสุขภาวะขององค์การอนามัยโลก"สร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วยการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ"### การผลักดันเมืองสุขภาพดีด้วยการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพองค์การอนามัยโลกได้ว่า "เมืองสุขภาวะ" เป็นกรอบแนวคิดสำคัญที่ให้ความสำคัญกับการคำนึงถึงสุขภาวะของประชาชน ความเป็นธรรมทางสังคม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของนโยบายท้องถิ่น รวมถึงยุทธศาสตร์และโครงการต่างๆ โดยมีหลักการเคารพสิทธิทางสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนประเทศไทยได้นำแนวคิดเมืองสุขภาวะมาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ หรือ HIA ครอบคลุมทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ซึ่งถือเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ขณะที่ประเทศอื่นในภูมิภาคยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น### การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ: เครื่องมือสำคัญสู่การสร้างเมืองสุขภาพดีการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การพัฒนาเมืองและชุมชนมุ่งสู่ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนอย่างแท้จริง โดยมุ่งศึกษาว่าการดำเนินนโยบาย โครงการ และกิจกรรมต่างๆ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างไร เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงและออกแบบการพัฒนาที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชุมชนองค์การอนามัยโลกได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของนโยบายสาธารณะที่สอดคล้องกับการสร้างเมืองสุขภาวะ โดยเสนอแนวทางการดำเนินการในระดับพื้นที่ที่ให้ความสำคัญกับการมองปัญหาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม ผ่านการวิเคราะห์ปัญหาด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ และการดำเนินการอย่างต่อเนื่องร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่### การใช้การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพในการแก้ปัญหาอากาศสะอาดนอกจากการประเมินผลกระทบในบริบทของการพัฒนาเมือง องค์ประกอบสำคัญอื่นที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญคือการสร้างเมืองที่มีอากาศสะอาด โดยมองว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาดในประเทศไทยก็สามารถเทียบเคียงได้กับกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพในลักษณะหนึ่ง ทั้งนี้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้พยายามผสมผสานเครื่องมือต่างๆ ทั้งด้านการปฏิบัติ การประเมิน และด้านเศรษฐศาสตร์-การเงิน เพื่อสร้างแรงจูงใจและกลไกต่างๆ ในการขับเคลื่อนประเด็นอากาศสะอาดการนำเครื่องมือการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพมาใช้ในกระบวนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราเข้าใจถึงผลกระทบเชิงสุขภาพ และสามารถนำมาสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติ การจัดระเบียบการเผา และการระดมความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ### ความท้าทายในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศแม้ว่าจะมีการนำเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ทั้งการพัฒนาแอปพลิเคชันควบคุมการเผา การติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศอย่างง่าย หรือการจัดบริการสาธารณสุขเพื่อดูแลผู้ได้รับผลกระทบ แต่การดำเนินงานก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การปรับกระบวนการทำงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน และการปรับปรุงทักษะความรู้ของเจ้าหน้าที่ในการพิจารณาอนุญาตการเผาอย่างถูกต้องโดยที่ผ่านมา การแก้ปัญหามลพิษอากาศที่มุ่งเน้นแต่การห้ามเผาโดยเด็ดขาด กลับไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากยังมีการละเมิดการห้ามเผาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การจัดระเบียบการเผาอย่างถูกต้องโดยอาศัยเกณฑ์จากการพยากรณ์สภาพอากาศ จึงอาจเป็นทางออกที่ดีกว่า เพราะจะช่วยให้สามารถควบคุมและลดผลกระทบได้มากขึ้น### บทสรุปภายใต้แนวคิดเมืองสุขภาวะขององค์การอนามัยโลก ประเทศไทยได้นำการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องมลพิษทางอากาศในภาคเหนือ ซึ่งเป็นตัวอย่างสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่การวางแผน การดำเนินการ จนถึงการติดตามประเมินผล เพื่อสร้างเมืองและสังคมที่เอื้อต่อสุขภาวะของประชาชนอย่างไรก็ตาม การดำเนินงานดังกล่าวยังคงเผชิญความท้าทายในหลายด้าน ทั้งการปรับปรุงกระบวนการทำงานของภาครัฐ การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมถึงการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาและสร้างเมืองสุขภาพดีต่อไป
See More
ใช้ ‘HIA’ แก้ปัญหาท้องถิ่น ‘กรมอนามัย’ ขยายผลสู่ ‘เมืองสุขภาพดี’ 1,000 แห่ง ในปี 2570

ภาคีเครือข่ายผนึกกำลังขับเคลื่อนเมืองสุขภาพดี ด้วย 'HIA'

เวทีวิชาการ HIA FORUM ประจำปี 2567 สะท้อนถึงความสำเร็จของการประยุกต์ใช้ HIA (Health Impact Assessment) ในการแก้ปัญหาระดับท้องถิ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานระดับชาติและสถาบันการศึกษา ที่มุ่งสร้างเมืองสุขภาพดีให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

ร่วมก้าวสู่เมืองสุขภาพดีที่ยั่งยืน

ความท้าทายในการพัฒนาเมืองสุขภาพดีด้วย HIA

แม้ว่า HIA จะเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่เอื้อต่อสุขภาพ แต่ก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารให้ อปท. เข้าใจกระบวนการ HIA ได้อย่างง่ายดาย หรือการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้บริหารท้องถิ่นให้เห็นความสำคัญของการใช้ HIA ในการตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังต้องพัฒนาศักยภาพทีมวิชาการให้สามารถถ่ายทอดความรู้และเครื่องมือ HIA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ อปท. สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในพื้นที่

การขับเคลื่อนเมืองสุขภาพดี ด้วย HIA ในภูมิภาค

จากการสะท้อนประสบการณ์การนำ HIA ไปปรับใช้ในพื้นที่ เทศบาลนครยะลา ได้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ HIA ในการจัดการปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหาร โดยเริ่มต้นจากการวิเคราะห์สถานการณ์และบริบทของพื้นที่ จนกำหนดเป็นแผนการดำเนินงานที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อีกทั้ง การนำ HIA มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวโดยชุมชนของ เทศบาลตำบลศรีบัวบาน จ.ลำพูน ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กำลังเข้ามาในชุมชน โดยมีการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

บทบาทของภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อน HIA

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และ HIA Consortium จากสถาบันการศึกษาในภูมิภาคต่างๆ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการใช้ HIA ในระดับท้องถิ่น โดยมุ่งเน้น 3 ภารกิจหลัก ได้แก่ 1) การพัฒนากำลังคน เช่น การบรรจุหลักสูตร HIA ในสถาบันการศึกษา และการสร้างกลไกพี่เลี้ยง HIA ในพื้นที่ 2) การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม ในการสร้างเครื่องมือและแนวทางการใช้ HIA ที่เข้าใจง่าย และ 3) การให้บริการวิชาการและการขับเคลื่อนชุมชน ท้องถิ่น ด้วย HIA โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทของทีมวิชาการที่ลงไปดำเนินการในพื้นที่ จะต้องเน้นการสื่อสารและการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริหารท้องถิ่นให้เข้าใจก่อน จึงจะสามารถนำเสนอแนวทางการใช้ HIA ที่เหมาะสม และสร้างความร่วมมือที่ราบรื่น นอกจากนี้ ทีมวิชาการควรให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจและความรู้สึกที่ดีต่อกระบวนการ HIA ให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ด้วย

การสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อเร่งสร้างเมืองสุขภาพดี

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เล็งเห็นประโยชน์ของการใช้ HIA ในการพัฒนาคุณภาพระบบบริการอนามัยสิ่งแวดล้อมของ อปท. หรือที่เรียกว่า EHA 8000 โดยมุ่งหวังให้ อปท. สามารถนำกระบวนการ HIA ไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจและกำหนดมาตรการด้านสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ นอกจากนี้ กรมอนามัย ยังได้ขับเคลื่อนวาระสำคัญในการพัฒนาเมืองสุขภาพดี (Healthy Cities) โดยตั้งเป้าหมายให้มีเมืองสุขภาพดีไม่น้อยกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2570 โดยจะใช้กลไก HIA เป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเมืองสุขภาพดี โดยเริ่มจากการพัฒนาศักยภาพของศูนย์อนามัยและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ให้เป็นทีมพี่เลี้ยงให้กับ อปท. ที่สนใจเข้าร่วมโครงการการผนึกกำลังของภาคีเครือข่ายที่หลากหลาย ทั้งสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และ อปท. ที่มีความมุ่งมั่นในการนำ HIA มาขับเคลื่อน เพื่อพัฒนาเมืองสุขภาพดีที่ยั่งยืน จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมพลังให้การดำเนินการในทุกระดับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประชาชนในทุกพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการมีเมืองที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีในที่สุด
See More