สัตว์เลี้ยง
Pet Us จับมือพันธมิตรแบรนด์อาหารสัตว์ชั้นนำ จัดกิจกรรม “Pet Us พันธุ์ทางพันธุ์เท่” เปิดพื้นที่ชวนคนรักสัตว์ส่งต่อสิ่งดีๆ ให้มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์เลี้ยง
ธุรกิจเพื่อสัตว์เลี้ยงครบวงจร จาก 'เพ็ทอัส' ภายใต้ 'โลตัส''เพ็ทอัส' (Pet Us) เป็นธุรกิจเพื่อสัตว์เลี้ยงครบวงจร ภายใต้ 'โลตัส' ที่จับมือพันธมิตรแบรนด์อาหารสัตว์ชั้นนำ จัดกิจกรรม "Pet Us พันธุ์ทางพันธุ์เท่" เพื่อตอกย้ำจุดยืนในการให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงทุกรูปแบบ และส่งเสริมการให้ความช่วยเหลือแก่มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์ทั่วประเทศ

เพ็ทอัส...ธุรกิจเพื่อสัตว์เลี้ยงที่แตกต่าง ด้วยความใส่ใจที่ครบวงจร

ภารกิจสำคัญที่ 'เพ็ทอัส' มุ่งมั่นดำเนินการ

'เพ็ทอัส' มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร โดยการจัดกิจกรรม "Pet Us พันธุ์ทางพันธุ์เท่" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญใหญ่ในการฉลองครบรอบ 3 ปี โดยมีเป้าหมายสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์และความพิเศษที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการมุ่งเป็นผู้นำเทรนด์ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ด้วยการศึกษารูปแบบและพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างประสบการณ์ประทับใจที่โดดเด่นและแตกต่าง พร้อมกับการส่งเสริมคอมมูนิตี้คนรักสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพ

การสานต่อความมุ่งมั่นให้ครบวงจร

ภายใต้กิจกรรม "Pet Us พันธุ์ทางพันธุ์เท่" 'เพ็ทอัส' ได้ดำเนินการหลากหลายโครงการ อาทิ การเปิดพื้นที่ให้คนรักสัตว์ได้ซื้อสินค้าในราคาพิเศษจากแบรนด์พันธมิตร เพื่อร่วมบริจาคอาหารและอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงให้กับมูลนิธิสงเคราะห์สัตว์ 8 แห่งทั่วประเทศ การบริการฉีดวัคซีนฟรีให้กับสุนัขและแมวในชุมชน กิจกรรมตัดขนสุนัข และการให้บริการช่วยหาบ้านให้สัตว์จรจัด รวมถึงจัดให้มีสินค้าราคาพิเศษจากพันธมิตร และเชิญ 2 อินฟลูเอนเซอร์ที่มีใจรักสัตว์มาร่วมสร้างความสนุกสนานให้แก่คนรักสัตว์ที่มาร่วมงานด้วย

การขยายสาขาทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความเข้าถึง

ปัจจุบัน 'เพ็ทอัส' มีสาขาครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย กระจายอยู่ใน 18 สาขาของ 'โลตัส' ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด อาทิ สาขาพัฒนาการ สาขาบางนา สาขาลาดกระบัง สาขารัตนาธิเบศร์ สาขาบางใหญ่ สาขานอร์ธราชพฤกษ์ สาขานครอินทร์ สาขาขอนแก่น 2 สาขาอุบลราชธานี สาขาถลาง (ภูเก็ต) สาขาสามกอง (ภูเก็ต) สาขาเชียงใหม่ (คำเที่ยง) สาขานครปฐม สาขาหัวหิน สาขาโคราช สาขาศรีนครินทร์ สาขาสุขุมวิท 50 และสาขาพระราม 4 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกและเข้าถึงสำหรับลูกค้าและผู้ที่มีความรักและหวงแหนสัตว์เลี้ยงทุกคน

การขับเคลื่อนธุรกิจสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง

'เพ็ทอัส' ไม่ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจเพียงเพื่อจำหน่ายสินค้าเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถตอบโจทย์และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและประทับใจให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังมุ่งส่งเสริมคอมมูนิตี้ของคนรักสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในธุรกิจและการดูแลสัตว์เลี้ยงในระยะยาว
มูลค่าตลาด “สัตว์เลี้ยง” ปี’67 ชะลอการเติบโต “รพส.ทองหล่อ” ชี้คนรับเลี้ยงสัตว์ตัวใหม่น้อยลง

แนวโน้มตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงไทยค้างวงงบน้อยลง แต่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อุตสาหกรรมธุรกิจสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในปีนี้ แม้ว่าอัตราการเติบโตจะชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงรักษาระดับการขยายตัวได้อย่างน่าพอใจ ตามการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้

ช่องทางการเติบโตของตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงในอนาคตที่น่าจับตามอง

ตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราการขยายตัวจะชะลอตัวลง

สพญ.กฤติกา ชัยสุพัฒนากุล ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดสินค้าเกี่ยวกับ "สัตว์เลี้ยง" ซึ่งรวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง และค่ารักษาพยาบาลสัตว์เลี้ยง จะเติบโตแตะ 1.12 แสนล้านบาทภายในปี 2567 โดยมีอัตราเติบโตประมาณ 6-8% จากปีก่อนหน้า แม้ว่าจะถือว่าเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับการเติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปีในอดีตการชะลอตัวในอัตราการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงนี้ เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดขายในหมวดอาหารสัตว์เลี้ยงลูกสุนัขและลูกแมว ตลอดจนยอดขายจากฟาร์มเพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงลดลง ขณะที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีอยู่แล้วก็ไม่มีการเพิ่มเติม และคนที่ยังไม่มีสัตว์เลี้ยงก็เลือกที่จะไม่รับเลี้ยงในปีนี้

ในระยะยาว กระแสการเลี้ยงสัตว์เป็นลูกหลานคนหนึ่งยังคงเป็นเทรนด์หลัก

อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวแล้ว สพญ.กฤติกา มองว่า กระแสการเลี้ยงสัตว์เสมือนเป็นลูกหลานคนหนึ่ง (Pet Humanization) จะยังคงเป็นเทรนด์หลักในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ต้องการมีคู่แต่ไม่มีลูก (DINK) และกลุ่มผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในสังคมไทย ซึ่งมักจะเลือกเลี้ยงสัตว์เพื่อแก้ปัญหาความเหงาพูลเพิ่ม ทองเจริญพูลพร ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน รพส.ทองหล่อ กล่าวเสริมว่า เมื่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงให้ความสำคัญกับน้องๆ สุนัขและแมวมากขึ้น ก็จะยินดีใช้จ่ายมากขึ้นในการดูแลเช่นกัน โดยจากการวิจัยพบว่า เจ้าของสุนัขพันธุ์ใหญ่จะใช้จ่ายในการดูแลเฉลี่ย 28,000 บาทต่อปี และเจ้าของสุนัขพันธุ์เล็กจะใช้จ่ายเฉลี่ย 24,000 บาทต่อปี

รพส.ทองหล่อเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ

จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ รพส.ทองหล่อ ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาลสัตว์ในไทย มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 จะมีการเปิดสาขาใหม่ทั้งหมด 2 สาขา ได้แก่ สาขาเชียงใหม่แอร์พอร์ตที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี และสาขาอโศก-ประสานมิตร ที่จะเปิดตัวช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะทำให้ รพส.ทองหล่อ มีครบทั้งหมด 21 สาขาในปีนี้ส่วนในปีถัดไป (2568) แม้จะไม่มีการเปิดสาขาใหม่ แต่ รพส.ทองหล่อ จะมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในการย้ายและขยายพื้นที่สาขาปิ่นเกล้า จากเดิมเป็นตึกแถวพื้นที่เล็กเพียง 600-700 ตารางเมตร ไปยังทำเลใหม่ที่ตรงข้ามตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี พื้นที่ใหญ่ขึ้นเป็น 4,500 ตารางเมตร โดยใช้งบลงทุนกว่า 200 ล้านบาทนอกจากการขยายธุรกิจในประเทศไทยแล้ว รพส.ทองหล่อ ยังมีการลงทุนในประเทศเวียดนามอีกด้วย โดยปัจจุบันได้เปิดโรงพยาบาลแห่งแรกที่เมืองโฮจิมินห์ และอยู่ระหว่างการหารือกับพันธมิตรร่วมทุนเพื่อเปิดสาขาที่ 2 ในเวียดนาม ซึ่งอาจจะเป็นที่กรุงฮานอยหรือขยายไปยังเมืองอื่นๆขณะเดียวกัน รพส.ทองหล่อ ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในด้านบุคลากรและเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการให้บริการ โดยมีการจัดตั้ง "Thonglor Academy" เพื่อฝึกอบรมและพัฒนานิสิตนักศึกษาในการเป็นสัตวแพทย์ พยาบาลสัตว์ และเปิดโอกาสให้สัตวแพทย์จากต่างประเทศเข้ามาอบรมเพิ่มเติมด้วย รวมถึงการลงทุนในอุปกรณ์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และระบบเทคโนโลยีในส่วนของ "หลังบ้าน" เพื่อช่วยให้บุคลากรทำงานได้สะดวกและประหยัดเวลามากขึ้น
See More
เกษตรกรอินเดียพายเรือ เก็บหญ้าเขียวเลี้ยงสัตว์

เกษตรกรพายเรือเก็บเกี่ยวหญ้าเลี้ยงสัตว์ในรัฐอัสสัม

เกษตรกรในรัฐอัสสัมทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย พายเรือเก็บเกี่ยวหญ้าสีเขียวสดชื่นเพื่อนำมาเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง ในช่วงระยะเวลานี้ เป็นฤดูกาลที่มีปริมาณน้ำมากในแม่น้ำและลำธาร ซึ่งเอื้อต่อการปลูกและเพาะปลูกหญ้าเลี้ยงปศุสัตว์

เกษตรกรท้องถิ่นกอบโกยหญ้าสดจากธรรมชาติเพื่อเลี้ยงสัตว์ในฤดูฝน

หญ้าเลี้ยงสัตว์เป็นปัจจัยสำคัญของภาคปศุสัตว์

การปลูกและเพาะปลูกหญ้าเป็นปัจจัยสำคัญของภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเลี้ยงปศุสัตว์ ทั้งนี้เพราะหญ้าเป็นแหล่งอาหารธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสำหรับสัตว์เลี้ยง และสามารถหาได้ในธรรมชาติตามแหล่งน้ำต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำมาก เกษตรกรจึงมักหันมาใช้วิธีการเก็บเกี่ยวหญ้ามาเป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง

การเก็บเกี่ยวหญ้าแบบดั้งเดิมในรัฐอัสสัม

ในรัฐอัสสัม เกษตรกรจำนวนมากยังคงดำเนินการเก็บเกี่ยวหญ้าโดยใช้วิธีการดั้งเดิม คือ การพายเรือลอยน้ำไปตามแม่น้ำและลำธาร เพื่อหาหญ้าที่งอกงามและสดชื่น แล้วนำมารวบรวมไว้เป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นวิธีการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมของชุมชนในพื้นที่ และยังสามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างทั่วถึงในช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำมาก

ความสำคัญของการใช้หญ้าเป็นอาหารสัตว์

การใช้หญ้าเป็นอาหารสัตว์นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในภาคการเลี้ยงปศุสัตว์ เนื่องจากหญ้าเป็นแหล่งอาหารธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสัตว์เลี้ยง การเลี้ยงปศุสัตว์ด้วยหญ้าจึงเป็นวิธีการที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้าปศุสัตว์ แถมยังช่วยให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง ส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์อีกด้วย

การเก็บเกี่ยวหญ้าในฤดูฝนช่วยเพิ่มผลผลิตปศุสัตว์

ในช่วงฤดูฝน ปริมาณน้ำที่มากในแม่น้ำและลำธารส่งผลให้หญ้าเจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ เกษตรกรจึงใช้โอกาสนี้ในการเก็บเกี่ยวหญ้ามาเป็นอาหารสัตว์ การกระทำดังกล่าวช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มปริมาณอาหารสัตว์ในช่วงที่ต้องการโภชนาการสูง เช่น ในช่วงที่มีการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิต ซึ่งมีผลดีต่อการเพิ่มผลิตภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ในระยะยาว

ความเชื่อมโยงระหว่างหญ้าและการเลี้ยงปศุสัตว์

หญ้าถือเป็นปัจจัยหลักในการเลี้ยงปศุสัตว์ เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารหลักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ และเป็นแหล่งใยอาหารที่สำคัญ ทำให้สัตว์มีระบบย่อยอาหารที่แข็งแรง ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโต และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ในที่สุด การเก็บเกี่ยวหญ้าในช่วงฤดูฝนจึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญอย่างมากสำหรับเกษตรกรที่ต้องการเพิ่มผลผลิตปศุสัตว์ให้มากขึ้น
See More